แรงถล่มเทขายทุยตลาดหุ้นสหรัฐอ่วมทั้งวัน ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งทะลุกว่า 500 จุด
เมื่อวันที่ 21 กันยายน (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 27,147 จุด -509 จุด หรือ -1.84% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,281 จุด -38 จุด หรือ -1.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,778 จุด -14 จุด หรือ -0.13% ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งหนักสุดใน 1 วันตั้งแต่ 8 กันยายน หรือในรอบ 3 สัปดาห์ ดัชนีหุ้นนาสแดคร่วงหนักติดกัน 4 วันแรกในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ขณะที่ในเดือนกันยายนนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทรุดหนัก -4.5%, -6.3% และ -8.4% ตามลำดับ
.
สาเหตุจากความกังวลในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในทวีปยุโรป ซึ่งมีการระบาดพุ่งสูงในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ทำให้แนวโน้มการใช้มาตรการปิดล๊อคเมืองทั่วประเทศอาจเกิดขึ้นครั้งที่ 2 นอกจากนี้ การเมืองในสหรัฐที่ขัดแย้งกันระหว่างพรรครีพลับลิกัน และเดโมแครต
.
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.38% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 41.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.6% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบทรุดหนักใน 1 วัน มากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ สาเหตุจากความกังวลในการภาวะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ กดดันความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกลดลง ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลกที่พุ่งสูงไม่หยุดไปกว่า 31 ล้านคน และประเทศลิเบียประกาศกลับมาผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากเดิม ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐถูกเทขายอย่างรุนแรงตลอดทั้งสัปดาห์นี้
.
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ยังคงไม่ปรับเปลี่ยนราคาเป้าหมายน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ที่บาร์เรลละ 49 ดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้ และบาร์เรลละ 65 ดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 สอดรับกับธนาคารบาร์เคลยส์ยังคงมองราคาน้ำมันดิบดังกล่าวที่ 43 และ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในสิ้นปีนี้ และปี 2021 ตามลำดับ
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,910.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -51.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.6% ส่งผลให้ราคาทองคำตกต่ำอย่างหนักถึง -10% จากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สาเหตุจากภาวะการเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐที่ตกต่ำอย่างรุนแรงและร่วงต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าตลอดทั้งวัน และนักลงทุนรอการแถลงของประธานาธนาคารกลางสหรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐที่มีต่อรัฐสภาสหรัฐในวันอังคารนี้ (ตามเวลาในสหรัฐ)
