แห่เปิดคอนโดใหม่เพิ่มขึ้นในรอบ 2 ปี แซงเปิดโครงการบ้านแนวราบ

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเริ่มมองข้ามช็อตมุ่งพัฒนาคอนโดรับการฟื้นตัวใน 2-3 ปีข้างหน้าที่จะมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติเข้ามา รวมทั้งลูกค้าคนไทยที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และลงทุนปล่อยเช่าในตลาดหรูหรา

สถานการณ์ที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1/2565 พบว่า โครงการเปิดขายใหม่เพิ่ม 227.5% ดันดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 9.1% โดยสัดส่วนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่พลิกมีส่วนแบ่งถึง 65.2%  บ้านจัดสรรลดลงเหลือ 34.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีหลังจากวิกฤติโควิด-19 ที่คอนโดมีสัดส่วนมากกว่าบ้านจัดสรร สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า แม้ตลาดจะมีปัจจัยลบจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนก่อสร้างเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ เช่น ลดค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ผ่อนปรนแอลทีวี ช่วยให้มีการซื้อบ้านสัญญาที่ 2 และ 3 เพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนมากขึ้น ธนาคารเริ่มแข่งขันปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมและส่งออกฟื้นตัวทำให้เกิดกำลังซื้อใหม่ รวมทั้งการสร้างกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุน

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นรวม 31,477 ยูนิต เพิ่มขึ้น 227.5% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มี 9,611 ยูนิต ประกอบด้วยอาคารชุด 20,536 ยูนิต เพิ่ม 421.2% บ้านจัดสรร 10,941 ยูนิต เพิ่ม 92.9% มูลค่า 117,384 ล้านบาท ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้น 161.7% เป็นโครงการบ้านจัดสรร 60,360 ล้านบาท เพิ่ม 126.6% อาคารชุด 57,023 ล้านบาท เพิ่ม 213%

ทั้งนี้ ภาพรวมไตรมาส 1/2565 ยูนิตเหลือขายสะสมทั้งสิ้น 172,244 ยูนิต เพิ่ม 4.42% มีมูลค่ายูนิตเหลือขาย820,781 ล้านบาท เพิ่ม 2.77% จากปี 2564 มีมูลค่า 798,600 ล้านบาท