โควิด-19 คร่าชีวิตพ่อแม่ทำเด็กอเมริกันกำพร้าพุ่งเฉียด 130,000 คน

โควิด-19 คร่าชีวิตพ่อแม่ทำเด็กอเมริกันกำพร้าพุ่งเฉียด 130,000 คน ปัญหาหนักหลังโควิด-19 สิ้นสุด
.
นางซูซาน ฮิลลิส หัวหน้าทีมงานศึกษาและวิจัย และเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะปฏิบัติการ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลจากศึกษาว่า เด็กวัยเล็กและเยาวชนอเมริกันจำนวนสะสม 129,630 ราย ต้องสูญเสียผู้ปกครองดูแลขั้นต้น ซึ่งหมายถึง พ่อ แม่ และมีอีกจำนวน 22,007 ราย ต้องสูญเสียผู้ปกครองดูแลขั้นที่สอง ซึ่งหมายถึง ปู่ ย่า ตา หรือยายที่เคยอาศัยอยู่ที่บ้านพักอาศัย
.
นางซูซาน ฮิลลิส กล่าวต่อไปว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นตัวเลขที่ยังไม่สะท้อนให้ถูกต้องที่สุด แต่มีความใกล้เคียงมากที่สุด เนื่องจากเป็นการเก็บรวมรวมข้อมูลในช่วงระหว่างเดือนเมษายน 2563 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะพบการระบาดสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดียในช่วงเวลาถัดมา ที่สำคัญ เด็กเล็กและเยาวชนอเมริกันยังคงพบการสูญเสียผู้ปกครองขั้นต้น และขั้นที่สองต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
.
หัวหน้าทีมงานศึกษาและวิจัย แสดงความกังวลว่าปัญหาของเด็กเล็กและเยาวชนที่กำพร้าผู้ปกครองในขณะนี้จะนำไปสู่ปัญหาที่แท้จริงอย่างมากมายในอนาคตหลังจากโรคระบาดโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น หรือสิ้นสุดลง นอกจากนี้ จะต้องใช้เวลาดูแลไปจนกระทั่งมีอายุครบ 18 ปี ซึ่งพัดพรากจากพ่อ แม่ และญาติที่ใกล้ชิด
.
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ความเหลื่อมล้ำทางจริยธรรม และเชื้อชาติ จะพบเป็นจำนวนมากขึ้นจากการสูญเสียผู้ปกครองของเด็กเล็ก และเยาวชน ด้วยสาเหตุของโรคโควิด-19 จากข้อมูลพบว่า ขณะที่เด็กเล็ก หรือเยาวชนอเมริกันผิวขาวทุกๆ 1 คนจาก 753 ต้องสูญเสียผู้ปกครองจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 จะมีเด็กเล็ก หรือเยาวชนอเมริกันเชื้อสายฮิสแพนนิคทุกๆ 1 คนจาก 412 คนต้องสูญเสียผู้ปกครอง และเด็กเล็ก หรือเยาวชนอเมริกันผิวสีทุกๆ 1 คนจาก 310 คนต้องสูญเสียผู้ปกครอง