โควิด 19 ทำทั่วโลกปล่อยคาร์บอนลดลงได้ถึง 17%

ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีรายงานผลการศึกษาระหว่างประเทศที่เผยแพร่ผ่านวารสาร “Nature Climate Change” ระบุว่านับตั้งแต่เดือนเมษายน ที่หลายชาติได้เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ พบว่าระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายวันทั่วโลกลดลงประมาณ 17% หากเทียบกับค่าการปล่อยคาร์บอนฯจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขการปล่อยค่าคาร์บอนที่ลดลงมากสุดในรอบเกือบสิบปี
.
ทั้งนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) ในประเทศอังกฤษได้ใช้ผลการศึกษาจากการบันทึกค่าคาร์บอนใน 69 ประเทศ, 50 รัฐในสหรัฐ และอีก 30 มณฑลของจีน จากกลุ่มประเทศที่สำรวจนี้ล้วนเป็นชาติที่มีความสำคัญเชิงอุตสาหกรรมของโลก คิดเป็นประชากรรวมกันมากถึง 85% ของประชากรทั้งโลก และอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากร้อยละ 97% ของทั้งโลก
.
ซึ่งพบว่าปัจจัยหลักที่ทำให้การปล่อยคาร์บอนทั่วโลกลดลงคือ การสัญจรของยานพาหนะลดลงเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ กิจกรรมด้านคมนาคมภาคพื้นลดลงราว50% ขณะที่คมนาคมทางอากาศลดลงถึง 75% ทั่วโลก เเละจากสถานการณ์ไวรัสที่ยังเเพร่ระบาดจะส่งผลให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกลดลงอีกร้อยละ 4.4-8% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งนับเป็นการลดลงมากสุดตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง