โฆษกรัฐบาลเผยวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กระทบศก.ไทยน้อย เป็นช่วงสั้นๆ

310
0
Share:

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากตัวเลขทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการคลังและฐานะการเงิน โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.88 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 242,772.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้นสูงถึง 3 เท่า อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2565 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้เล็กน้อยตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลยังมีเงินคงคลังเพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างน้อย และเป็นไปเพียงในระยะสั้น โดยปกติตลาดหลักทรัพย์จะมีความผันผวนตามสถานการณ์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2565 สถานเงินทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ที่ 81,356.8 ล้านบาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ กล่าวต่อไปว่า สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังแข็งแกร่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทิศทางค่าเงินบาทโดยรวมยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นที่ร้อยละ 2.10 จากต้นปี 2565 จากแผนการเปิดประเทศและตามสถานะเงินลงทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตรไทย ด้านการส่งออก ในเดือนมกราคม 2565 พบว่าการส่งออกในเดือนนี้ขยายตัว 8% หรือมีมูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่านำเข้าขยายตัว 20.5% หรือมีมูลค่า 23,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่างว่า การส่งออกไทยขยายตัวเป็นบวกในเดือนแรก จากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบกรอ.พาณิชย์ ที่ผลักดันการส่งออก รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์การค้าระหว่างซาอุดิอาระเบีย และยังประเมินว่าปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่กระทบกับการส่งออกไทยในช่วงเดือนก.พ. เนื่องจาก รัสเซียและยูเครนไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย โดยในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าสู่รัสเซียและยูเครนมูลค่า 32,507.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.38 ของมูลค่าการส่่งออกรวม และ 4,228.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.05 ของมูลค่าการส่่งออกรวม หรือเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 36 และ 74 ของไทยตามลำดับ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี