โห..ข่าวดี! จ่อลดค่าไฟฟ้าเอฟที 70 สตางค์ช่วง 4 เดือนท้ายของปีนี้

446
0
Share:
โห..ข่าวดี! จ่อ ลด ค่าไฟฟ้าเอฟที 70 สตางค์ช่วง 4 เดือนท้ายของปีนี้

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกขณะนี้เริ่มคลี่คลายลง ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG สำหรับราคาตลาดจร หรือ SPOT LNG ณ วันนี้ อยู่ที่ประมาณ 10.5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เมื่อต้นทุนต่ำลงก็สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ โดยค่าไฟฟ้างวดที่ 3 ของปีนี้ (เดือนกันยายน-ธันวาคม) สามารถลดลงได้แน่ๆ 40-50 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต้นๆ

แต่ถ้าหากในระยะต่อไป ราคา SPOT LNG ลดลงอีก เหลือประมาณ 9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และ ปตท. สามารถซื้อได้ในราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ 70 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย

ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. รายงานว่าอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิตแหล่ง G1/61 หรือเอราวัณเดิม จะเพิ่มกำเป็น 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือนกันยายนนี้ และต้นปี 67 จะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ดังนั้น การนำเข้า LNG คาดว่าจะลดลงจากที่ ปตท. คาดการณ์ไว้ว่าจะขอนำเข้า 99 ลำ เหลือประมาณ 70 ลำ (ลำละ 60,000 ตัน) และการที่ราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย มีราคาถูกกว่า LNG โดยมีราคาที่ประมาณ 5-6 เหรียญต่อล้านบีทียู จะช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก

ดังนั้น ตามที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้ว่าจะลดค่าไฟฟ้านั้น หากดูตัวเลขสามารถทำได้แน่นอน โดยจะลดได้อย่างน้อย 50 สตางค์ต่อหน่วย เพราะต้นทุนก๊าซฯ โดยรวมถูกลง

“ประเด็นที่พรรคการเมืองเสนอให้เจรจากับภาคเอกชนเรื่องการปรับลดค่าความพร้อมจ่าย (AP) เป็นสิ่งที่สามารถเจรจาได้ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร ซึ่งต้นทุนค่า AP อยู่ในส่วนของต้นทุนค่าไฟฐาน มีการใช้มาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น ไม่มากเท่ากับต้นทุน LNG ดังนั้น หากบริหารจัดการ LNG ดี จะสามารถลดลงได้ 50-60 สตางค์อยู่แล้ว”นายกุลิศ กล่าว