ใช้งบไม่มาก! รัฐบาลเดินหน้าจัดทำงบสมดุลใน 10 ปี หนุนความมั่นคงฐานะการคลัง

226
0
Share:
ใช้งบไม่มาก! รัฐบาล เดินหน้าจัด ทำงบสมดุล ใน 10 ปี หนุนความมั่นคงฐานะการคลัง

ในการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้านงบประมาณ : OECD Asian Senior Budget Officials Meeting นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ได้หารือและชี้แจงถึงแนวทางการจัดทำงบประมาณในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งหลังจากสถานการณ์ระบาดเริ่มคลี่คลาย ก็จำเป็นจะต้องจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลลดลง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับฐานะการคลัง รวมถึงแนวทางการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ ซึ่งประเทศไทย ตั้งเป้าหมายจัดทำงบประมาณแบบสมดุลให้ได้ภายใน 10 ปี หรือภายในปีงบประมาณ 2575

จากการหารือร่วมกับ 21 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ พบว่าในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มีการใช้งบประมาณที่สูงในการรับมือกับโควิด ส่วนประเทศไทยถือว่ามีการใช้งบประมาณอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มการจัดเก็บรายได้ รวมถึงการชำระหนี้

ดังนั้นการจัดทำงบประมาณหลังจากนี้จะต้องมุ่งเน้นสิ่งสำคัญใน 3 เรื่องคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ต้องจัดงบประมาณที่ให้ความสำคัญกับโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สอง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้มากขึ้นในกระบวนการของภาครัฐและเอกชน และการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้กระทรวงการคลังได้ชี้แจงกับ OECD ว่ามีการประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัวได้ 3-4% โดยคาดว่าน่าจะโตได้ 3.8% ซึ่งมาจากการลงทุนที่มีความต่อเนื่อง เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ และชดเชยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีการจัดสรรงบประมาณในโครงการลงทุนได้น้อย เพราะต้องนำงบประมาณไปดูแลการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ของไทย หลักๆมาจาก 3 ทางคือการปฏิรูปการจัดเก็บภาษี รายได้จากรัฐวิสาหกิจ และ รายได้จากการกู้เงิน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ได้เริ่มดำเนินการผ่านการจัดเก็บภาษี E-Service จากผู้ประกอบการแพลตฟอร์มต่างประเทศ การจัดเก็บภาษีขายหุ้น การจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน ภาษีที่ดิน และภาษีมรดก ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้เป็นฐานรายได้ใหม่ของรัฐบาลต่อจากนี้