ให้กู้ยากขึ้น! ไทยพาณิชย์ เข้มงวดเกณฑ์ปล่อยกู้ สินเชื่อ เน้นพิจารณาจากความเสี่ยงลูกหนี้

366
0
Share:

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่าขณะนี้เกณฑ์พื้นฐานที่พิจารณาการปล่อย สินเชื่อ ให้กับลูกค้าจะปรับเข้มขึ้น เพราะดูความเหมาะสมว่าลูกค้ามีหนี้มากน้อยเพียงใด ถ้าเป็นลูกค้าบรรษัทต้องดูว่าธุรกิจนั้นสอดคล้องกับอานิสงส์การฟื้นตัวของประเทศหรือไม่ ลูกค้ามีประวัติที่ดีกับธนาคาร เป็นลูกค้าประจำหรือไม่ ซึ่งโดยรวมก็เป็นหลักการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแบบปกติ ขณะเดียวกัน สิ่งที่สอดคล้องตอบกลับมาคงจะเป็นเรื่องของปัจจัยด้านราคาว่าดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร ลูกค้ามีความเสี่ยงมากดอกเบี้ยจะสูง หากมีความเสี่ยงน้อยดอกเบี้ยจะน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ

ทั้งนี้ ด้านแนวทางของ ธปท. การคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ (risk based pricing : RBP) อ้างอิงจากสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาชิกธนาคารมีการพูดคุยต่อเนื่อง ซึ่งพร้อมน้อมรับนโยบายของ ธปท. และน้อมรับนโยบายของสมาคมฯ ในการตัดสินใจ เบื้องต้นทุกธนาคารมี RBP บนลูกค้าที่เป็นลูกค้าสถาบันอยู่แล้ว แต่ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะทำได้หรือไม่ โดยทางสมาคมฯ ยังศึกษากันอยู่ และพร้อมจะปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่

ขณะที่การเข้มข้นการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาดูเซ็กเมนต์ เช่น 1.เซกเมนต์ที่มีอานิสงค์เชิงบวกต่อการเปิดประเทศและสอดคล้องกับธุรกิจเกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว 2.ต้องกลับมาดูว่าลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธนาคาร และมีประสบการณ์ที่ดีต่อกันหรือไม่ หรือบนความธุรกิจใหม่ และเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำ ธนาคารจะดูว่ามันสอดคล้องกับแนวทางโครงสร้างการพัฒนาประเทศหรือไม่ ถ้าใช่ก็ควรจะสนับสนุน ดังนั้น การพิจาณา 3 ข้อจะเป็นตัวการคัดกรองว่าสินเชื่อในกลุ่มใด และควรจะปล่อยให้ลูกค้าอย่างไร

นอกจากนี้ การพิจารณาว่าลูกค้าว่าอยู่ในเกณฑ์ดี หรือไม่ดีก็มีหลายปัจจัย ซึ่งธนาคารจะใช้มิติทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นเลนส์ในการพิจารณาว่าลูกค้ามีสุขภาพดีหรือไม่ เช่น ช่วงอดีต จะดูข้อมูลงบการเงิน รวมถึงพฤติกรรมการชำระเงินให้กับธนาคาร ช่วงปัจจุบันจะดูการปฏิบัติงานบนงบฯที่ไม่ออกว่ามีอะไรหรือไม่ และอนาคตจะดูแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ ถ้าธุรกิจไม่เติบโตความเสี่ยงที่สร้างกำไรในระยะถัดไปจะมีปัญหา

“เชื่อว่าปีนี้ อัตราการปล่อยสินเชื่ออาจจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ อาจมีย่อถอยลง แต่ตั้งแต่ต้นปีได้ประกาศว่าอัตราการปล่อยสินเชื่อจะเป็นเลขตัวเดียว เพราะต้องการเข้าสู่โจทย์การทำการเพิ่มประสิทธิภาพสินเชื่อ (Loan optimization) ดังนั้น อัตราการเติบโตยังอยู่ในโซนที่วางไว้แต่อาจจะไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ ซึ่งในความไม่แน่นอน และความกังวลหลายเรื่อง การระมัดระวังและทำให้ธนาคารเข้มแข็งเป็นโจทย์ที่สำคัญมากกว่า และเราสามารถเติบโตด้านรายได้ในทางอื่นได้”นายกฤษณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2566 ธปท.จะขึ้นระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal Rate) ที่ 2.5% เมื่อธนาคารส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้กลุ่มเปราะบางได้รับผลหรือไม่ นั้น จากการคาดการบนสถานการณ์ต่างๆ (Scenario) และการทำการประเมินพอร์ตสินเชื่อภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงจำลอง (Stress Test) เพื่อรายงานผลต่อ ธปท. เพราะทุกครั้งที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ธปท.จะสอบถามถึงข้อมูลเหล่านี้

ทั้งนี้ ได้ประเมินเศรษฐกิจปี 2566 ธนาคารคาดว่าจีดีพีประเทศไทยจะใกล้ประมาณ 3.9% เติบโตจากการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยผ่านการท่องเที่ยว ขณะที่ความเสี่ยงมีภาคการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% รวมถึงความเสี่ยงการเมือง ภัยธรรมชาติเอลนีโญส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร ทั้งนี้ เชื่อว่าหากไม่มีอะไรที่เป็นความเสี่ยงกระทบภาพใหญ่เศรษฐกิจไทยยังโตต่อเนื่อง