ไทยพาณิชย์ชี้กอดเงินสดรับเศรษฐกิจตกต่ำเติม สร้างความกังวลในการลงทุน

395
0
Share:
เศรษฐกิจ

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดการเงินโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) และเริ่มกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยหลังตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว และหดตัวในบางประเทศ สาเหตุหลักมาจากการเร่งตัวของการนำเข้า ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังเติบโตได้ดี ที่ 2.7% โดย SCB CIO ประเมินว่าโอกาสที่จะเกิดการถดถอยทางเทคนิค (technical recession) ในสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2/2022 ยังมีค่อนข้างน้อย แต่จีนมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไตรมาส 2/2022 จะชะลอมากกว่าคาด หลังการปิดเมืองเข้มข้น และมีแนวโน้มยืดเยื้อ ในขณะที่ยูโรโซนมีความเสี่ยงที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่พร้อม

อย่างไรก็ตาม ตลาดกำลังกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวแรงหรือเข้าขั้นถดถอย โดยประเมินว่าเฟดจะให้ความชัดเจนมากขึ้นในการประชุมเดือน มิ.ย. นี้ หากพิจารณาความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรและค่าเงิน SCB CIO มองว่า ตลาดการเงินโลกยังคงมีความผันผวน จนกว่าจะมีความชัดเจนจากเฟด โดยดัชนีภาวะการเงินของสหรัฐฯ เริ่มตึงตัวใกล้ระดับปลายปี 2018 ที่มีการขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุด 2.5% ในรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่แล้ว

SCB CIO ยังคงมุมมองคาดว่าเฟด จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.5% ในการประชุมในวันที่ 14-15 มิ.ย และ 26-27 ก.ค. นี้ หลังจากนั้นจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในอีก 3 การประชุมที่เหลือ ทำให้ดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 2.75% ณ สิ้นปี 2022

ดร.กำพลกล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก และ การปิดเมืองในจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อ supply chain โดย SCB CIO ประเมินว่า หากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่เร่งตัวไปมากกว่าในกรอบ 100-110 USD/barrel ในช่วงครึ่งหลังของปี อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอลงตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ความจำเป็นของเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ จะมีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม การปิดเมืองเข้มข้นในเมืองเศรษฐกิจหลักของจีนเป็นความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อโลกที่ต้องระมัดระวังในช่วงที่เหลือของปี

การปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงเวลานี้ ที่ตลาดคิดว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย โดย SCB CIO แนะนำ 3 กลยุทธ์หลักดังนี้ 1) Cash amidst uncertainty ในช่วงที่รอความชัดเจนจากเฟด เรายังคงแนะนำให้มีเงินสดใน portfolio สัดส่วนประมาณ 5%-10% 2) Cost pass through to maintain profit margin ในกลุ่มตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ( Developed Market ) แม้จะมีมุมมอง Neutral แต่เราชอบตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นได้ โดยมีการเติบโตของค่าจ้างเป็นตัวช่วย โดยรอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐฯ เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นจากเฟด

และ 3) Reopening in ASEAN เราปรับมุมมอง หุ้นไทย เป็น Positive หลัง valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในขณะที่การเปิดเมือง มีความคืบหน้าต่อเนื่อง เราเชื่อว่าการเปิดประเทศของไทยจะทำให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว จนพร้อมรับดอกเบี้ยขาขี้นได้ในปี 2023 ซึ่ง ธปท. น่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยใน 1H2023 และคงมุมมอง Positive ต่อ กลุ่มกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาเซียน ( Asian REITs)