ไทยแย่สุด! สถานะการเงินครอบครัวไทยรับผลกระทบโควิด-19 หนักที่สุดจากทั้ง 7 ประเทศในเอเชีย

399
0
Share:

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ การสำรวจ AIA Save Smarter Study 2021 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภายใต้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เต็มใจที่จะทิ้งแผนการใช้เงินออมสำหรับอนาคต และเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการปกป้องตนเองจากสิ่งที่ไม่คาดฝัน

ผลสำรวจดังกล่าว ในขณะที่คนไทย 57% ยอมรับว่าถูกบีบบังคับจากสถานการณ์ทำให้จำเป็นต้องลดการออมลงในปี 2563 (สูงสุดในบรรดาประเทศที่สำรวจทั้งหมด) ซึ่ง 83% เห็นด้วยว่าพวกเขาวางแผนที่จะกันเงินออมเพิ่มขึ้นจากความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงอันเกิดจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้ และ 45% ของกลุ่มตัวอย่าง ยืนยันว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มเงินออมในปี 2564 โดยมีเพียง 11% ที่วางแผนจะเพิ่มเงินออมของพวกเขาในอัตราส่วนที่มากกว่า 50%

การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มและวัตถุประสงค์ในการออมของภาคครัวเรือนกำลังเปลี่ยนแปลง การจัดการความไม่แน่นอนได้กลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญสำหรับการออมโดยมุ่งเน้นที่การเข้าถึงกองทุนเงินสำรองฉุกเฉินมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ การใช้จ่ายยามฉุกเฉิน (71%) การค้ำประกันความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองและครอบครัวในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (60%) และความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและการเตรียมตัวเพื่อการเกษียณ (54%) ถือเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของการออมในประเทศไทย

นอกจากนี้ วิธีบรรลุเป้าหมายที่หลากหลายของการออมในภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนั้นถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ คนไทย 44% ออมเงินที่มีอยู่หลังหักค่าใช้จ่ายโดยไม่มีแผนการออมเชิงรุก ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศทั้งหมดที่ทำการสำรวจ 16% กันเงินออมไว้ในจำนวนที่แน่นอน 19% เริ่มกำหนดเป้าหมายการออม และ 21% ระบุเป้าหมายการออมและกันเงินออมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ด้านช่องทางนั้น ธนาคารยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการออม มากกว่า 9 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่าง (92%) ในไทย ยังนิยมคงสภาพคล่องในการออมผ่านการฝากเงินไว้ในธนาคาร และเกือบหนึ่งในสี่ของผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารนั้น (22%) ไม่มีเงินออมในช่องทางอื่น ๆ อีกเลย

สำหรับความสำคัญของการประกันภัยเพื่อความคุ้มครองและการออมผลกระทบเพิ่มเติมของการระบาดใหญ่ครั้งนี้ คือผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจในการทำประกันภัยมากขึ้น โดย 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยเห็นด้วยว่าการประกันภัยมีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา ในการให้ความคุ้มครองที่ดีขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และ 16% กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มการจัดสรรเงินทุน เพื่อการทำประกัน ในจำนวนคนไทยที่วางแผนจะเพิ่มการใช้จ่ายในการทำประกันนั้น 58% ระบุว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในการประกันชีวิตด้วยการออม และ 56% ตั้งใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในการทำประกันเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและสุขภาพ

ในด้านผลกระทบทางอารมณ์จากสถานการณ์โควิด-19 ความกลัวและความไม่แน่นอนที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดี เป็นตัวกระตุ้นให้ธุรกิจประกันภัยได้รับความนิยมมากขึ้น โดย 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทยกล่าวว่าโควิด-19 ส่งผลในแง่ลบต่อชีวิตทางสังคมของพวกเขาในปี 2563 และ 54% เชื่อว่ายังส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผลต่อสุขภาพทั้งทางการเงินและส่วนบุคคลมีแนวโน้มที่จะยังไม่สิ้นสุดในเร็วๆ นี้ โดย 89% เชื่อว่าโควิด 19 จะคงอยู่หลังจากเดือนมิถุนายน 2564 และ 26% เชื่อว่าจะคงอยู่จนถึงปี 2566 หรือนานกว่านั้น

ผลสำรวจดังกล่าว ยังส่งผลให้เห็นว่า ครัวเรือนไทยได้รับผลกระทบต่อรายได้และสถานะทางการเงินมากกว่าอีก 7 ประเทศที่ทำการสำรวจในครั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า 82% ของคนไทยจำนวน 1,000 คนกล่าวว่า รายได้ของพวกเขาได้รับผลกระทบในทางลบเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่อยู่ราว 66% และ 79% รู้สึกว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของพวกเขา ขณะที่ ผลจากการสำรวจในทุกประเทศอยู่ที่ 64% นอกจากนี้รายได้เฉลี่ยในประเทศไทยลดลงสูงกว่าประเทศอื่น ๆ อยู่ที่ 33% และอีก 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่า รายได้ของตนลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากรายได้เดิม

ทั้งนี้ AIA Save Smarter Study 2021 ได้ทำการสำรวจผู้เอาประกันภัยทั้งสิ้น 7,400 คนที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ในภูมิภาคเอเชียรวม 8 แห่ง ประกอบด้วย จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย และเวียดนาม