‘ไปรษณีย์ไทย’ ประกาศขึ้นค่าบริการครั้งแรกในรอบ 18 ปี ยันไม่กระทบผู้ใช้บริการ

440
0
Share:
ไปรษณีย์ไทย

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้รับการอนุมัติปรับอัตราค่าบริการ ไปรษณียภัณฑ์ โดยยังคงอัตราค่าบริการ พิกัดแรกน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม และผู้ใช้บริการที่ฝากส่งเอกสารในปริมาณมาก จะมีส่วนลดพิเศษ รวมถึงพัฒนาระบบการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร หรือดิจิทัลเมล์ พร้อมเป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนที่สอดรับกับยุคสมัย

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตามที่มีมติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาและเห็นชอบการปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ ตามร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรนั้น ถือเป็นการปรับอัตราค่าบริการครั้งแรกในรอบ 18 ปี ซึ่งเป็นเพียงการขึ้นราคาเฉพาะการส่งจดหมายและเอกสารสำคัญ และจะปรับเฉพาะบริการจดหมายในประเทศเท่านั้น โดยอัตราค่าบริการพิกัดแรก น้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม ซึ่งเป็นพิกัดน้ำหนักที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้บริการ ยังคงไว้ที่ 3 บาทเช่นเดิม

เอกสารหรือจดหมายที่มีน้ำหนักเกินจากที่กำหนดจำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจและการแบกรับต้นทุน อย่างไรก็ตามเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ภาคธุรกิจซึ่งฝากส่งเอกสารและจดหมายกับไปรษณีย์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง หรือการส่งปริมาณมาก ๆ จะมีการมอบส่วนลดในอัตราพิเศษ

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาบริการรองรับและเป็นทางเลือก คือ การจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร เพิ่มช่องทางการส่งเอกสารที่สะดวกรวดเร็วขึ้น  การประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ให้กับเอกสารสำคัญของหน่วยงาน/องค์กร เพื่อให้สามารถยืนยันได้ว่าเอกสารนั้นเป็นตัวจริง โดยเป็นระบบที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน รองรับการจัดการเอกสารในยุคดิจิทัล

สำหรับอัตราไปรษณียากรสำหรับบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศใหม่ ดังนี้

จดหมาย จำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) จดหมาย ประเภทซอง และ 2) จดหมาย ประเภทหีบห่อ (กำหนดเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับ UPU) โดยมีอัตราค่าบริการให้แยกประเภทซอง/หีบห่อ เป็น 2 ระยะ
1.1 ระยะแรก (พ.ศ. 2565-2567) (1) จดหมาย ประเภทซอง ยังคงอัตราค่าบริการพิกัดน้ำหนักแรกไว้ที่ 3 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม (2) จดหมาย ประเภทหีบห่อ มีอัตราค่าบริการในพิกัดน้ำหนักแรก 30 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 55 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม

1.2 ระยะที่สอง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป (1) จดหมายประเภทซอง จะปรับอัตโนมัติโดยมีอัตราค่าบริการในพิกัดน้ำหนักแรก 4 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 62 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม (2) จดหมายประเภทหีบห่อ จะปรับอัตโนมัติโดยมีอัตราค่าบริการในพิกัดน้ำหนักแรก 34 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 62 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม

ไปรษณียบัตร ของตีพิมพ์ และพัสดุไปรษณีย์ ไม่เปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการในระยะแรก (พ.ศ. 2565-2567) เป็นระยะเวลา 3 ปี และระยะที่สองจะปรับอัตโนมัติตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป กำหนดอัตราไปรษณียากรพิเศษสำหรับไปรษณียภัณฑ์ภายในประเทศที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีส่วนลดสูงสุดไม่เกินร้อยละ 44 จากอัตราที่ขอปรับขึ้นใหม่ โดยกำหนดเงื่อนไขในการใช้บริการ เช่น ฝากส่งเป็นประจำต่อเนื่อง ฝากส่งต่อเดือนตั้งแต่ 500,000 ฉบับต่อเดือนขึ้นไป มีการคัดแยกเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งต่อในระบบงานไปรษณีย์ ฝากส่งและนำจ่ายในเขตพื้นที่เดียวกัน เป็นต้น