ไฟเขียว! ครม.เห็นชอบเยียวยาลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า 2 เดือน ในรอบบิล เดือน พ.ค. และมิ.ย. 64

675
0
Share:

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบมาตรการเยียวยาโควิด ลดค่าน้ำค่าไฟฟ้าโดยให้ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ําประปาตามมาตรการเดิมที่ได้ดำเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2564 โดยให้มีผลในรอบบิล พฤษภาคม และมิถุนายน 2564 โดยค่าไฟฟ้าเสนอให้สิทธิค่าไฟฟ้าสําหรับบ้านอยู่อาศัยและ กิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ดังนี้

1. ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก

2. ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ดังนี้

// กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง

// กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้ามากกว่าใบแจ้งค่าไฟฟ้า เดือนเมษายน ๒๕๖๔ ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ ดังนี้

// สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อ เดือน คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564

// สําหรับผู้ใช้ ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 5,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้า ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 50

// สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 2,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วย การใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 70 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

// ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจ) ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก

.
ทั้งนี้ มาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าสําหรับ บ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก กําหนดให้ดําเนินการเป็นระยะเวลา 6 เดือน สําหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจําเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายน 2564

.

ทางด้าน ค่าน้ําประปาเสนอให้ลดค่าน้ําประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะ บ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) เป็นระยะเวลา 6 เดือน สําหรับใบแจ้งหนี้ค่าน้ําประปาประจําเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน /2564 ทั้งนี้ เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบดําเนินการตามมาตรการ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ําประปา) โดยขอรับสนับสนุน แหล่งเงินเพื่อดําเนินตามมาตรการดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ตามขั้นตอนของพระราชกําหนดฯ