ไม่กระเทือน! ปตท.ยันรับภาระอุ้มค่าไฟตามนโยบายรัฐ ยืดหนี้ กฟผ. 8-9 พันล้านบาท

210
0
Share:
ไม่กระเทือน! ปตท. ยันรับภาระอุ้ม ค่าไฟ ตามนโยบายรัฐ ยืดหนี้ กฟผ. 8-9 พันล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึงนโยบายรัฐในการปรับลดค่าไฟรอบเดือน ก..-.. 2566 ลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดย ปตท.ร่วมรับภาระลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าให้ประชาชน ด้วยการเลื่อนการรับชำระค่าเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไปก่อน คิดเป็นวงเงิน 8,000-9,000 ล้านบาท คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินของ ปตท.อย่างมีนัยสำคัญ แต่ ปตท.อาจจะมีภาระต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นบ้างเป็นวงเงินไม่มากนัก

ส่วนกรณีภาครัฐเตรียมปรับค่าการตลาดน้ำมันไม่เกิน 2 บาท/ลิตรว่า ทางบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลแก่กระทรวงพลังงาน ซึ่งที่ผ่านมาค่าการตลาดน้ำมันของ OR ไม่ถึง 2 บาทต่อลิตร แต่ด้วยข้อมูล ที่สำนักงานนโยบาย และแผนพลังงาน (สนพ.) อ้างอิงแตกต่างกับ OR ที่ใช้ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันยูโร 4 ทำให้ค่าการตลาดของ สนพ.สูงกว่า 2 บาทต่อลิตร ซึ่งในต้นปี 2567 มาตรฐาน น้ำมันไทยจะเป็นยูโร 5 การอ้างอิงราคาของผู้ค้าน้ำมันและสนพ.ก็จะตรงกัน อย่างไรก็ตาม OR มีกำไรคิดเป็น 2% ของยอดขายรวม

นายอรรถพลกล่าวว่า กลุ่ม ปตท.ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ให้เป็น LNG Regional Hub ของภูมิภาค โดยขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานในการรองรับการดำเนินการพร้อมแล้ว มีสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG Receiving Terminal จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งมีกำลังแปรสภาพ LNG รวม 19 ล้านตันต่อปี โดยเป้าหมายของกลุ่ม ปตท.จะเพิ่มปริมาณการค้า LNG ให้ได้ 9 ล้านตันต่อปี ในปี ค.. 2030 โดยได้มีการจัดตั้งหน่วยธุรกิจฯ ขึ้นมารองรับทั้งการจำหน่ายในลักษณะนำเข้า LNG แล้วจำหน่าย LNG ในภูมิภาค เช่น จีนตอนใต้ กัมพูชา ด้วยระบบขนส่งทางรถยนต์ และทางเรือ รวมทั้งขยายการจำหน่าย LNG ไปยังโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า หรือกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งล่าสุด ปตท.ได้ซื้อพื้นที่ติดกับสถานี LNG แห่งที่ 2 ในพื้นที่บ้านหนองแฟบ 160 ไร่ เพื่อรองรับโรงงานที่จะมาใช้ความเย็นจากการแปรสภาพ LNG ซึ่งมีหลายโรงงานให้ความสนใจ เช่นระบบโรงไฟฟ้าของ GPSC ฯลฯ

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.). กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่ม ปตท.อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิต LNG หลายรายจากสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง เพื่อจัดซื้อ LNG สัญญาระยะยาว (Long term) อีกประมาณ 2 ล้านตันต่อปี จากที่ปัจจุบัน ปตท.จัดซื้ออยู่ที่ 5.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งการซื้อสัญญาระยะยาว (Long term) จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงานและสมารถจัดการต้นทุนผลิตไฟฟ้าดียิ่งขึ้น และจะทำให้สัดส่วนสัญญา Long term กับตลาดจร (spot ) มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นจากเดิมร้อยละ 50:50 เป็นร้อนละ 70:30 เพื่อบรรเทาต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงหากราคา LNG ตลาดจะสูงเช่นปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ว่า บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวสูงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ทำให้ ปตท.รับรู้รายได้และกำไรจาก บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปรท.สผ.) ที่ผูกกับราคาน้ำมัน รวมทั้งค่าการกลั่นยังทรงตัวในระดับที่ดี แม้ว่าจะต่ำกว่าปี 2565 แต่ก็ดีกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา