กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF เปิดเผยรายงานมุมมองภาวะเศรษฐกิจโลกเดือนกรกฎาคม 2025 พบว่าสภาพเศรษฐกิจโลกปี 2025 โดยรวมกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะการค้าโลกที่ล่อแหลม หรือหมิ่นเหม่จากนโยบายและมาตรการภาษีและการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจโลกในภาพรวมปีนี้กำลังอ่อนแอ และยังคงเปราะบางต่อภาวะช็อกทางการค้า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณความยืดหยุ่นและคล่องตัวอยู่บ้างก็ตาม
ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2025 จะเติบโต หรือมีจีดีพีที่ระดับ 3.0% ถึงแม้ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดิมในเดือนเมษายนของปีนี้ที่ผ่านมา แต่ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวกับต่ำกว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวด้วยจีดีพีในปี 2024 ที่ระดับ 3.3% ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวลงต่อเนื่องถึง 3 ปีติดต่อกันหรือนับตั้งแต่ปี 2023 ที่เติบโตระดับ 3.5% มาถึงปี 2024 เติบโตได้เพียง 3.3% และในปีนี้คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 3.0%
ขณะที่ในปี 2026 ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มตัวเลขจีดีพีขึ้นเบาบางเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 3.1% อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกแต่อ่อนแอลงมากนับตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 หรือในรอบกว่า 6-7 ปีผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจโลกขยายตัวเฉลี่ยที่ 3.7%
ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยสาเหตุที่มีการปรับเพิ่มขึ้นจีดีพีปี 2025 ในช่วงแคบๆ เป็นผลมาจาก สภาพเศรษฐกิจที่บิดเบี้ยวจากวงจรการค้าปกติ เกิดจากความต้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากมายในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 จากภาวะปกติของการค้าในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงอัตราภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะบังคับใช้ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก นอกจากนี้สภาวะการเงินโลกที่เคยตึงตัวเริ่มมีสัญญาณผ่อนคลายลงบ้างท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ อัตราภาษีการค้าที่มีผลบังคับใช้แท้จริงของสหรัฐอเมริกา หรือ Effective U.S Tariffs ซึ่งวัดจากรายได้ภาษีศุลกากรนำเข้าเทียบเป็นสัดส่วนกับการนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา พบว่าอัตราดังกล่าวได้ลดต่ำลงจากเดิมที่เคยประกาศไว้ระดับ 22.4% มาเหลือ 17.3% นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟปรับขึ้นคาดการณ์การค้าโลกปี 2025 อีก 0.9% มาเป็น 2.6% แต่ในปี 2026 กลับปรับลดลงถึง 0.6% มาอยู่ที่ 1.9%
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจโลกยังคงมีอยู่เช่นเคยได้แก่ ความไม่แน่นอนในรายละเอียดของข้อตกลงเจรจาภาษีและการค้าถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะตกลงดีลภาษีการค้ากับกลุ่มสหภาพยุโรปหรือแม้แต่ญี่ปุ่นในอัตราภาษีที่ลดต่ำลงแต่ในแง่รายละเอียดของการเจรจายังคงมีความไม่แน่นอนสูง ที่สำคัญ อีกหนึ่งปัจจัยความไม่แน่นอนอยู่ที่ความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ทรัมป์ จะเปลี่ยนการตัดสินใจ
นายปีแอร์ โอลิเวอร์ กัวรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะเกิดภาวะช็อกการค้าโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบน้อยลงบ้างจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบมากมายนั้น แต่ขนาดของผลกระทบกลับมีความชัดเจนและเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก สิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขของการค้าโลกในปัจจุบันตกอยู่ในภาวะล่อแหลม