5 ปัจจัยเสี่ยงกดจีดีพีไทยต่ำกว่า 2.5%

695
0
Share:

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 // ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ทำให้ความต้องการสินค้าจากประเทศไทยลดลง
.
นอกจากนี้ยังเผชิญภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง และ ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งหากลากยาวเกินกว่า 2 เดือนจะกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ 1.3% หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 226,700 ล้านบาท แต่หากสถานการณ์ควบคุมได้ไม่เกิน 2 เดือน จะกระทบเศรษฐกิจไทย 1.07% หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 186,150 ล้านบาท
.
สำหรับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หากจบได้ภายในเดือนมี.ค. และ การท่องเที่ยวฟื้นตัวภายใน 3 เดือนหลังจากนั้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ 0.67% คิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปจากระบบ 117,300 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิด 65% // และ ถ้าแพร่ระบาดลากยาวถึงเดือนพ.ค. 2563 และ การท่องเที่ยวฟื้นตัวภายใน 5 เดือนหลังจากนั้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 1.08% หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 189,200 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิด 35%
.
นอกจากนี้ประเมินว่าการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ยังทำให้ความต้องการสินค้าจากประเทศไทยลดลง ซึ่งกระทบต่อการส่งออก ประเมินว่าหากควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนมี.ค. 2563 จะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยได้รับผลกระทบในวงจำกัด คิดเป็น 0.09% ของจีดีพี หรือเป็นเม็ดเงิน 15,500 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 65% แต่หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนพ.ค. 2563 ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยกระทบ 0.21% คิดเป็นเม็ดเงิน 36,700 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสที่เกิดขึ้น 35%
.
ด้านความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 หากล่าช้ากว่าปกติ 6 เดือนจะกระทบรายจ่ายประจำ 0.5% และงบรายจ่ายลงทุนเบิกได้ต่ำกว่าปกติ 10% จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 0.44% หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 77,500 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 70%
.
แต่หากล่าช้ากว่าปกติ 8 เดือนจะกระทบรายจ่ายประจำ 1.5% และ งบรายจ่ายลงทุนเบิกได้ต่ำกว่าปกติ 20% จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 0.96% หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 167,000 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 30%
.
ขณะที่ภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงเป็นเวลา 1 เดือน และ ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ต่ำกว่าปีก่อนประมาณ 10% จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 0.06% คิดเป็นเม็ดเงิน 10,200 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 60%

.
แต่หากเกิดภาวะภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน และ ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ต่ำกว่าปีก่อน 20% กระทบต่อเศรษฐกิจไทย 0.12% คิดเป็นเม็ดเงิน 21,800 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 40%
.
ท้ายสุดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือPM2.5 หากมีความรุนแรงไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะกระทบบต่อเศรษฐกิจไทย 0.02% คิดเป็นเม็ดเงิน 3,800 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 40% แต่หากมีความรุนแรงไม่เกิน 1 เดือนจะกระทบเศรษฐกิจไทย 0.04% คิดเป็นเม็ดเงิน 6,200 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 60%
.
โดยคงประมาณการจีดีพีปีนี้ไว้ที่เดิม 2.8% เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนของแต่ละปัจจัยต่างๆ ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ยืดเยื้อยาวนานไปมากกว่า 3 เดือน หรือ จะต้องไม่เกินไปจากเดือนพ.ค.นี้ เพราะหากควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จีดีพีจะโตได้น้อยกว่า 2.5% ได้ ส่วนส่งออกคาดขยายตัว 0.8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 1%