สภาพัฒน์เผยพนักงานรัฐวิสาหกิจ-มนุษย์เงินเดือน นำโด่งหมดไฟทำงานมากที่สุด

659
0
Share:

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยรายงานเรื่อง “พฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาด Cryptocurrency” พบว่า โดยข้อมูลจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่า ในปี 2564 มีจำนวนบัญชีซื้อขายคริปโทฯ เพิ่มขึ้น และจากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า ปี 2564 มีมูลค่าซื้อขายคริปโทฯ ในไทยเฉลี่ยประมาณ 1.4 แสนล้านบาทต่อเดือน

ขณะที่ในรายงานภาวะสังคมไทยของ สศช.ระบุว่า เมื่อพิจารณาพฤติกรรมการลงทุนในตลาดคริปโทฯ ของคนไทย มีประเด็นที่น่ากังวล 4 ประเด็น ดังนี้
1. ผู้ลงทุนในคริปโทฯ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสร้างผลกำไรที่สูงในเวลาที่รวดเร็ว

2. ราว 20% หรือ 1 ใน 5 ของผู้ลงทุนในคริปโทฯ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคริปโทฯ น้อย และ 25% ใช้สัญชาตญาณ ตัดสินใจลงทุน

3. มากกว่า 1 ใน 4 หรือกว่า 25% ของคนรุ่นใหม่ ที่ลงทุนในคริปโทฯ ลงทุนเพื่อความสนุก บันเทิง และเข้าสังคม

4. นักลงทุนคริปโทฯ มากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือกว่า 50% ใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถกำกับดูแลได้

นอกจากนี้ การลงทุนเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน แต่ผู้ลงทุนต้องศึกษาหาความรู้ให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภทนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์มากกว่าประเภทอื่นมาก โดยความเสี่ยงที่สำคัญ ดังนี้

1. ไม่มีการกำกับดูแลตามกฎหมาย สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการกำกับดูแลเรื่องการออกเสนอขายคริปโทฯ และคุ้มครองผู้ลงทุนในคริปโทฯ ที่ทำการซื้อ/ขาย ผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนในประเทศไทยได้

2. ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (ยกเว้น Stablecoin บางชนิด) ทำให้เมื่อเกิดการด้อยค่า ผู้ที่เป็นเจ้าของจะไม่มีหลักประกันใดๆ เลย อาทิ กรณีเหรียญ Terra Classic ที่เคยมีมูลค่าสูงถึง 3,903 บาท/เหรียญ ในเดือนเมษายน 2565 และตกลงมาเหลือเพียง 0.003 บาท/เหรียญ ในเดือนถัดมา

3. ตลาดคริปโทฯ ถูกชี้นำได้ง่าย โดยการเปลี่ยนแปลงของราคา คริปโทฯ เกิดขึ้นจากความต้องการที่ถูกชี้นำจากข่าวสาร แทนการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน (งบการเงิน และผลประกอบการ) และคริปโทฯ ยังสามารถปั่นราคาสินทรัพย์ (Pump and Dump) ได้ง่าย และควบคุมได้ยาก

4) ตลาดคริปโทฯ มีการหลอกลวง และการโกงหลายรูปแบบ อาทิ การหลอกให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่านลงในเว็บไซต์ปลอมและขโมยบัญชีผู้ใช้ไปใช้งาน หรือเพื่อขโมยเหรียญคริปโทฯ การชักชวนลงทุนจูงใจ ว่าสามารถทำกำไรได้แบบเกินจริง

ขณะที่การ rug pull ที่เป็นการโกงรูปแบบหนึ่ง เกิดจากการที่นักต้มตุ๋นทำทีว่ามีการพัฒนาโครงการเหรียญคริปโทฯ ใหม่ๆ เข้ามาในตลาด เพื่อต้องการหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายก่อนที่จะเทขายทิ้ง หรือฉ้อโกงเงินในระบบและส่งผลให้เหรียญนั้นไร้มูลค่า

ดังนั้น ผู้ต้องการลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจตลอดจนประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน หากต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ขณะเดียวกันต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีและเลือกลงทุนอย่างไม่ประมาท เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นในต่างประเทศที่มีการฆ่าตัวตายจากการสูญเงินลงทุนในคริปโทฯ แล้วกว่า 22 ราย