BBL เผยปี 63 มีกำไร 17,181 ล้านบาท ลดลง 52%

487
0
Share:

รายงานข่าวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีกำไร 2,398 ล้านบาท ลดลง 40.3% จากไตรมาส 3/63 และลดลง 70% จากช่วงเดียวกันปี 62 ซึ่งเป็นผลจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาระบบงานและปรับปรุงประสิทธิภาพสูงขึ้น
.
สำหรับผลประกอบการปี 63 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 17,181 ล้านบาท ลดลง 52% จากปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 35,816 ล้านบาท
.
กำไรที่ลดลงเป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง ซึ่งมาจากค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและรายได้จากเงินลงทุน จากการนำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 9) มาถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63
.
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 20% หลักๆมาจากการรวมค่าใช้จ่ายของธนาคารเพอร์มาตา และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบรวมสาขาในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 55.6%
.
ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 8.4% จากปี 62 มาอยู่ที่ 77,047 ล้านบาท เป็นผลจากการรวมรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพอร์มาตา โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.25%
.
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 31,196 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 181.6% เป็นการเตรียมความพร้อมตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
.
ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 63 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,363,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% จากสิ้นปี 62 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.9% โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
.
ด้านเงินกองทุนและสภาพคล่อง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,810,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากสิ้นปี 62 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 7.3% ส่วนใหญ่จากเงินรับฝากออมทรัพย์ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.1% สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอในการรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
.
นอกจากนี้ ในวันที่ 23 ก.ย. 63 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 750 ล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนธ.ค.63 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น 18.3% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.7% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็น ส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 14.9% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
.