“BEM” โกยกำไรครึ่งปีแรกทะลุ 1,650 ล้าน เพิ่มขึ้น 70% จากรายได้หลัก 3 ธุรกิจ

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษ (ด่วน) และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/66 (เม.ย.-มิ.ย. 66) ว่า ภาพรวมปริมาณการเดินทางในไตรมาสที่ 2 เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากทางด่วน และรถไฟฟ้า MRT ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ BEM มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 267 ล้านบาท หรือ 42% สาเหตุจากรายได้ของสามกลุ่มธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนสูงถึง 3,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 645 ล้านบาทหรือ 20%

แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจทางด่วน 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 189 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนทุกสายทาง โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน โดยเฉพาะทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ทางด่วนประจิมรัถยา) ที่มีอัตราการเติบโตถึง 16% ซึ่งสูงกว่าสายทางอื่น, รายได้จากธุรกิจระบบราง หรือรถไฟฟ้า MRT 1,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 386 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 302 ล้านบาท โดยผู้ใช้บริการในไตรมาสนี้เฉลี่ยทุกประเภทวันอยู่ที่ 351,600 เที่ยวต่อวัน

ขณะเดียวกันการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ส่งต่อผู้โดยสารเข้าสู่สายสีน้ำเงิน ณ จุดเชื่อมต่อสถานีลาดพร้าวนั้น รายได้ค่าโดยสารจะเพิ่มชัดเจนในไตรมาสที่ 3 ส่วนรายได้จากการรับจ้างเดินรถโครงการสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 84 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน และรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ โดยการเปิดพื้นที่ Metro Mall ให้เช่าพื้นที่โฆษณา และเช่าพื้นที่ร้านค้าปลีก 277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 70 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งยังได้รับผลดีจากการจัดสรรพื้นที่ให้เป็น Metro Art สถานีพหลโยธิน กระตุ้นให้ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะทุกแขนง ได้เข้ามาใช้พื้นที่และจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ผลประกอบการของงวด 6 เดือนปี 66 ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ BEM อย่างชัดเจน ด้วยกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 1,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 680 ล้านบาท หรือ 70% นอกจากนี้ BEM ยังได้ขยายเวลาจำหน่ายบัตรเที่ยวโดยสาร (Pass) 30 วัน ไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 67 และบริษัทได้รับการคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้ออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี