CDC สหรัฐเผยสงครามโรคโควิดเปลี่ยน ต้องงัดมาตรการใหม่ ยอดติดโควิด-19 เดลต้าหลังฉีดครบโดสเพิ่มขึ้น

387
0
Share:

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า สงครามการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 เปลี่ยนแปลงแล้ว โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดครอบคลุมทั่วโลก สามารถติดเชื้อได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกันกับโรคหวัดธรรมดา หรือโรคไข้หวัด เชื้อสายพันธุ์เดลต้าสามารถแพร่กระจายในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วด้วย และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม

เอกสารของศูนย์ CDC ที่มีชื่อว่า การปรับปรุงการสื่อสารภาวะย้อนติดโรคระบาดโควิด-19 ภายหลังฉีดวัคซีน และประสิทธิภาพวัคซีน เปิดเผยว่า เชื้อกลายพันธุ์ทำให้ต้องใช้วิธีการใหม่ในการช่วยให้สาธารณชนเข้าใจความอันตรายของสายพันธุ์เดลต้ารวมถึงกรณีบุคคลที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 มีโอกาสสูงถึง 10 เท่าที่จะเจ็บป่วยอย่างรุนแรง หรือเสียชีวิตเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

ผู้อำนวยศูนย์ CDC นางโรเชชล์ วาเลนสกี้ เปิดเผยว่า ความร้ายกาจของสายพันธุ์เดลต้า คือบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ครบโดสแล้ว และเกิดติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า จะทำให้บุคคลนั้นสามารถแพร่กระจายเชื้อเดลต้าไปยังบุคคลอื่นได้ ซึ่งไม่เหมือนกันกับสายพันธุ์ดั้งเดิม หรือเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์อื่นๆ จากการตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในรัฐแมสซาชูเสท พบว่า 3 ใน 4 หรือ 75% ของผู้ติดเชื้อนั้น ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ครบโดส จึงเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายคำแนะนำให้ชาวอเมริกันสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้ง และในร่มอีกครั้ง

สำหรับกรณีที่พบผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแต่กลับติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือมีเรียกว่าภาวะ Breakthrough COVID-19 นั้น ศูนย์ CDC ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า มีประชาชนชาวอเมริกันจำนวน 6,587 ราย ที่เกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตต่อมา ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาจนถึงขณะนี้ พบว่ามีจำนวนเกือบ 1 ใน 3 ของกลุ่มวัยผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มที่ 1 ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มสูงมากขึ้น พบว่ามาจากพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนชาวอเมริกันต่ำ

วันนี้ที่นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 3,606 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายใหม่สูงสุดในรอบ 5 เดือนครั้งใหม่หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา สถานการณ์การแพร่ระบาดที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะเมืองลอสแองเจลิส ทำให้สหพันธ์โรงเรียนเทศบาลนครลอสแองเจลิส ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา ประกาศคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ พนักงาน และนักเรียนทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสัปดาห์

รัฐเท็กซัสพบผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งมากกว่า 16,000 ราย ทำสถิติมากที่สุดในรอบ 5 เดือนครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564

ศูนย์ CDC เปิดเผยว่าอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันของสหรัฐอเมริกา มีอัตราเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง 4 สัปดาห์ผ่านมา เมื่อ 4 สัปดาห์ที่แล้ว มีอัตราเฉลี่ยวันละ 14,175 ราย ต่อมาใน 3 สัปดาห์ที่แล้ว มีอัตราเฉลี่ยวันละ 17,901 ราย เมื่อ 2 สัปดาห์ให้หลังนั้น มีอัตราเฉลี่ยวันละ 30,566 ราย เมื่อ 1 สัปดาห์ผ่านมา มีอัตราเฉลี่ยวันละ 48,767 ราย

ทั้งนี้ การเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา พบว่าจนถึงวันนี้ 30 กรกฎาคม (ตามเวลาในสหรัฐ) มีประชาชนชาวอเมริกัน 57.37% ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 1 เข็ม และมี 49.44% ได้รับการฉีดครบโดส