GGC ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท ตลาดกดดันกำไร ประเมินภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง

230
0
Share:
GGC ประกาศจ่าย ปันผล ระหว่างกาล 0.10 บาท ตลาดกดดันกำไร ประเมินภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง

นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมครั้งที่ 9/2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ให้แก่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้ในอัตรา 20/80 (เสียภาษีในอัตรา 20%) แม้ว่าผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายทั้งสิ้น 4,744 ล้านบาท ลดลง 37% จากปีก่อน จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาวัตถุดิบที่ได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ปัจจัยค่าเงินที่แข็งค่าในแถบเอเชีย และสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเตรียมพร้อม วางแผนการดำเนินงานธุรกิจ เพื่อรับมือกับอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไว้ ทำให้ไตรมาส 2/2566 นี้ ยังคงสามารถปิดกำไรสุทธิเป็นบวกได้ที่ 7 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มตลาดและธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าความต้องการใช้ เมทิลเอสเทอร์ หรือ B100 น่าจะทรงตัว เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 นี้ จะเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลสำหรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าไม่สูงมากนัก แต่คาดว่า อาจจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

ขณะที่ความต้องการใช้แฟตตี้แอลกอฮอล์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากครึ่งแรกของปี 2566 แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตลาดโลกต่างๆ โดยคาดว่า กลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล (Home and Personal Care) โดยเฉพาะผู้ผลิตครีมบำรุงผิว อาจจะเริ่มกลับมาซื้อ แฟตตี้แอลกอฮอล์ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าก่อนเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสและเทศกาลวันปีใหม่

ด้านความต้องการใช้ กลีเซอรีน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นสอดรับกับการที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาล High Season ของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย เช่นเดียวกันกับเอทานอล ที่คาดว่ามีแนวโน้มความต้องการใช้ที่ฟื้นตัว เนื่องจากจากไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว คาดว่าส่งผลให้มีการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งหมด 4,744 ล้านบาท ลดลง 37% (YoY)และมี Adjusted EBITDA จำนวน 144 ล้านบาท ลดลง 82% (YoY) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจาก Stock Gain & NRV จำนวน 5 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 2/ 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 7 ล้านบาท (0.01 บาท/หุ้น) ลดลง 415 ล้านบาท หรือ 98% (YoY) ส่วนของผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 9,406 ล้านบาท ลดลง 37% (YoY) โดยรับรู้ EBITDA จำนวน 297 ล้านบาท ลดลง 78% และมี Adjusted EBITDA จำนวน 425 ล้านบาท ลดลง 66% (YoY) ทำให้ครึ่งปีแรก 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 47 ล้านบาท ลดลง 862 ล้านบาท หรือลดลง 95%