IMF ประกาศลด GDP โลกอีกครั้ง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือ 3.2% จากเดิม 3.3% และในปีหน้าเหลือ 3.5% จากเดิม 3.6%เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากมายในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้า ความไม่แน่นอนในกระบวนการ Brexit และความขัดแย้งทางเทคโนโลยี
.
ซึ่งเศรษฐกิจโลกถูกกดดันให้ขยายตัวช้าลง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องลดความตึงเครียดทางการค้าและเทคโนโลยีลง
.
นอกจากนี้ IMF ได้เตือนว่าหากรัฐบาลสหราชอาณาจักรภายใต้การบริหารประเทศของ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่สามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป (EU) ได้ทันเส้นตายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ก็จะทำให้เกิดกรณี No-deal Brexit หรือการแยกตัวจาก EU โดยไร้ข้อตกลง ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก
.
ที่สำคัญการขยายกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงกำแพงภาษีรถยนต์ของสหรัฐฯ ก็เป็นความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน เพราะเป็นปัจจัยที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่น ลดการลงทุน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานยุ่งเหยิง และฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในท้ายที่สุด
.
ซึ่งมูลค่าการค้าทั่วโลกหดตัวลงประมาณ 0.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนความตึงเครียดทางการค้า และเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน
.
ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางอย่าง Fed, BOJ และ ECB คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
.
โดยคาดว่า Fed จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินปลายเดือนก.ค.นี้ ขณะที่มาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง