นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2025 นึ้ เต็มไปด้วยปัจจัยลบมากมาย โดยเฉพาะภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังคงฉุดกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2025 ยังอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากขึ้น
ขณะที่ โครงการแนวราบมีผู้ซื้อต่อเนื่อง แต่ติดภาวะคอขวดสินเชื่อ หรือติดปัญหากู้เงินไม่ผ่านจากผลพวงระดับหนี้ครัวเรือนสูงผิดปกติส่งผลให้ดีมานด์ที่ควรเกิดขึ้นจริงกลายเป็นดีมานด์ถูกกักตัวอยู่ในระบบ
ภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง โดยเฉพาะค่าโดยสารรถไฟฟ้าบางเส้นทางที่ขยับขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นแรงกดดันใหม่ที่กระทบตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของผู้ซื้อกลุ่มมนุษย์เงินเดือน การที่ค่าเดินทางเพิ่มขึ้น 2-3,000 บาทต่อเดือน เท่ากับทำให้ศักยภาพผ่อนบ้านหายไปถึงราว 20% นั่นหมายถึง แม้ต้องการซื้อ แต่ความสามารถในการกู้ยิ่งลดตํ่าลงกว่าเดิมอีก
ในขณะเดียวกัน ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยที่เป็นกระแสดูเหมือนคึกคัก กลับไม่ใช่ความนิยมเชิงพฤติกรรม แต่เป็นความจำเป็นของคนรุ่นใหม่ที่รายได้ผันผวนและประเมินโอกาสอนาคตได้ยากกว่าเดิม การเป็นเจ้าของสินทรัพย์บ้าน หรือคอนโดมิเนียมด้วยมุมมอง Financial Model ว่าไม่คุ้มการลงทุน เมื่อเทียบกับการนำเงินไปต่อยอดในสินทรัพย์อื่น อีกทั้งการเช่ายังให้ความยืดหยุ่นที่สอดคล้องกับรูปแบบชีวิตที่ไม่แน่นอนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยต่อไปว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์แตะระดับตํ่าสุดแล้ว และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น สำหรับจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอยู่ที่ ภาวะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ระดับสูงมากกว่า 91% ลดลงมาอยู่ที่ 88% นับเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับตลาดที่อยู่อาศัย การลดลงของสัดส่วนหนี้ครัวเรือนเพียง 1-2% ช่วยคลายแรงกดดันต่อระบบสินเชื่อ และความสามารถของผู้ซื้อ การลงทุนยื่นขอรับการลงทุนใหม่ ๆ จากตัวเลขของบีโอไอ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ล้วนเป็นแรงส่งที่อาจช่วยเสริมภาพการฟื้นตัวในปีหน้าด้านผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยเริ่มพัฒนาโครงการที่ชะลอไว้ใน 2 ปีที่ผ่านมา
