วันที่ 27 กรกฎาคม 2025 ที่สนามกอล์ฟหรูหราชื่อว่า เทิร์นเบอร์รี ของประธานาธิบดีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในประเทศสก็อตแลนด์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และประธานคณะกรรมาธิการกลุ่มสหภาพยุโรป นางเออร์ซุลา วอน เดอ ลียอง ร่วมกันแถลงความสำเร็จในข้อตกลงเจรจาภาษีและการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและกลุ่มอียูซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศรวมกัน ข้อตกลงภาษีและการค้าของทั้งสองฝ่าย ระบุว่า สหรัฐอเมริกาเก็บอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับสินค้านำเข้าทุกชนิดจากกลุ่มอียูที่ระดับ 15% ซึ่งเป็นอัตราที่ปรับลดลงจากระดับ 30% ที่ระบุไว้ในจดหมายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาส่งถึงกลุ่มอีอยู่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมผ่านมา และยังเป็นอัตราที่ปรับลดลงมากถึง 35% จากที่สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นถึงระดับ 50% ตามที่เคยประกาศไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียูตกลงที่จะเปิดตลาดให้กับสินค้าของสหรัฐอเมริกาด้วยการประกาศไม่เก็บอัตราภาษีนำเข้าหรือ 0% กับสหรัฐอเมริกา กลุ่มอีอยู่ตกลงจะสั่งซื้อและนำเข้าพลังงานจากสหรัฐอเมริกามูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24 ล้านล้านบาท และจะลงทุนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มจากเดิมอีก 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 19 ล้านล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มอีอยู่จะสั่งซื้อและนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารจากสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา การปิดดิวเจรจาภาษีและการค้ากับกลุ่มอียูนับเป็นข่าวดีของทั้งสองฝ่ายที่สามารถตกลงกันได้ก่อนถึงวันที่หนึ่งสิงหาคม 2025 ซึ่งเป็นวันกำหนดเส้นตาย สำหรับมูลค่าการค้าของสหรัฐอเมริกาและกลุ่มอียูมีขนาดใหญ่คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของมูลค่าการค้าของโลก การตกลงเจรจาในครั้งนี้นับว่ากลายเป็น ข้อตกลงที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งมากกว่าข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 555,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17.6 ล้านล้านบาทไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านไป
นางเออร์ซุลา วอน เดอ ลียอง กล่าวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสหรัฐอเมริกานั้น ถือเป็นผู้ที่เจรจาต่อรองด้วยอย่างยากลำบาก การได้ข้อสรุปที่สหรัฐอเมริกาเก็บภาษีต่างตอบแทนที่อัตรา 15% ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดที่กลุ่มอีอยู่จะได้รับ ความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้ ทำให้เป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดในโลกของทั้ง 2 เขตเศรษฐกิจ เป็นข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่มหาสารมาก จะนำไปสู่ความมีเสถียรภาพ และความสามารถในการคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าอัตราภาษีที่ระดับ 50% ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศจัดเก็บกับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจะยังคงมีผลบังคับใช้กับกลุ่มอียู ในขณะที่สองฝ่ายยังคงมีเวลาการเจรจาสำหรับอัตราภาษีดังกล่าวต่อไป
การเจรจาข้อตกลงภาษีและการค้าสำเร็จลงระหว่างสหรัฐอเมริกากับกลุ่มอียูในครั้งนี้ ส่งผลให้เป็นดีล หรือข้อตกลงรายที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และกลุ่มอียู ในขณะเดียวกัน เฉพาะในเอเชีย สหรัฐอเมริกาปิดดีลได้ 5 ประเทศ ได้แก่ จีนที่ 30% เวียดนามที่ 20% อินโดนีเซียที่ 19% ฟิลิปปินส์ที่ 19% และญี่ปุ่นที่ 15% สำหรับในอาเซียนนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปิดข้อตกลงภาษีการค้ารวม 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนามที่ 20% อินโดนีเซียที่ 19% และฟิลิปปินส์ที่ 19%