นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่า ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงต้องกลับไปเก็บค่าโดยสารในราคาปกติก่อน แต่อาจจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งจนกว่าจะมีความชัดเจน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เคยกล่าวและจะอยู่ในนโยบายที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ด้วย ในเรื่องมาตรการลดค่าเดินทางให้ประชาชนเดิมราคา 20 บาท เฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง แต่มีภาระเรื่องเงินชดเชย จะมีการพิจารณาเพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้นได้หรือไม่ เช่น รถเมล์ปรับอากาศ รถเมล์ร้อน เรือ รวมไปถึงภาระการจ่ายค่าทางด่วน ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 จะนำมาพิจารณาร่วมกัน เป็นแพคเกจการลดค่าครองชีพในการเดินทางให้ประชาชน รวมถึงหารือกับเอกชนผู้รับสัมปทานด้วยทำให้ต้องใช้เวลาบ้าง
ทั้งนี้ รัฐบาลมองในภาพรวมทั้งหมด เพื่อแบ่งเบาภาระให้ประชาชนคนไทยทุกคน โดยองค์ประกอบการเดินทางของประชาชนในแต่ละวัน ไม่ได้อยู่แค่รถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วงเท่านั้น ยังรวมไปถึงคนต่างจังหวัดที่ต้องได้ประโยชน์ด้วย หากได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ซึ่งได้ให้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปศึกษาจุดที่คุ้มทุนมากที่สุดอยู่ตรงไหน รัฐบาลที่ผ่านมา มีนโยบาย 20 บาททุกสาย ทำไมต้องหยุดเพราะรัฐต้องชดเชยปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ใช้ได้แค่คนในกรุงเทพฯ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบที่สุด เพื่อความสมดุลและความพอใจสำหรับคนทั้งประเทศ ดังนั้นอยากให้รอหลังจากแถลงนโยบายเสร็จก่อน จากนั้น คงไม่เกิน 2 สัปดาห์จะมีการประกาศความชัดเจนและเริ่มใช้ภายใน 4 เดือนแน่นอน รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยและมีเวลาการทำงานแค่ 4 เดือน ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องทำด้วยความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีการต่อเวลาโปรโมชั่น ดังนั้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีแดง ที่ราคาสูงสุด 20 บาท จะสิ้นสุด 30 ก.ย. 68 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะต้องชำระค่าโดยสารในราคาเต็ม สายสีม่วง 14 – 42 บาท ตามระยะทาง และสายสีแดง 12 – 42 บาท ตามระยะทาง ระหว่างรอความชัดเจน