นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า เงื่อนไขการทำธุรกิจของผู้ประกอบการต่างชาติในไทย ไม่เข้มงวดเท่ากับที่ผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ เช่น จีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสในการแข่งขัน การที่ทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจในไทย ไม่ได้สร้างประโยชน์กับประเทศไทยมากนัก เพราะทั้งแรงงาน ทั้งวัตถุดิบ และการขนส่งมาจากจีนเกือบทั้งหมด ไทยได้แค่เพียงค่าเช่าที่ และค่าจ้างนอมินีเท่านั้น
นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ปัจจุบันเหมือนในยุคสมัย ก่อนที่ชาวจีนหอบเสื่อผืนหมอนใบ ลงเรือมาลงหลักปักฐานทำกิจการในประเทศไทย แต่วันนี้ต่างกันตรงที่ทุนจีนมีเงินหนาขึ้น ขึ้นเครื่องบินมาทำธุรกิจในไทย ร้านอาหารก็เป็นธุรกิจที่ทำง่าย นำเข้าวัตถุดิบได้จากจีน จ้างแรงงาน ต่างด้าวต้นทุนต่ำ และไม่ต้องการฝีมือในการทำอาหาร จึงได้เห็นร้านบุฟเฟ่ต์ที่เน้นขายวัตถุดิบ เปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ร้านอาหารเหล่านี้สามารถคืนทุนได้ใน 3 ปี จึงเป็นเป้าหมายของนักธุรกิจจีนที่จะรุกตลาดนี้
ขณะนี้ ธุรกิจค้าปลีก เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต มีการตรวจพบสินค้านำเข้ามาจำหน่ายในร้านโดยไม่มีฉลากภาษาไทย ทำให้ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลส่วนประกอบ ส่วนผสม รายละเอียดสินค้า รวมถึงไม่มีการรับรองจากมาตรฐานของรัฐ เช่น อย. สิ่งเหล่านี้ต้องควรระวังอย่างยิ่ง
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า หากต้องการคุมกำเนิดร้านอาหารทุนจีนคุณภาพต่ำ จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ทั้งเรื่องมาตรฐาน การปฏิบัติตามกฎหมายไทย การเรียกเก็บภาษีและพนักงาน ก็จะช่วยคุมกำเนิดร้านอาหารคุณภาพต่ำได้