นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าคมนาคมเร่งรัดผลักดันการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย ซึ่งขณะนี้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอทบทวนมติ ครม.และขออนุมัติรวมโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน -ศิริราช เข้าด้วยกัน เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว ระยะทางรวม 20.5 กม. วงเงินโครงการ 15,176.21 ล้านบาท
หลังจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2568 ได้รับความเห็นจาก 3 หน่วยกลาง ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ (สศช.) เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่า จะเสนอไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ภายในสัปดาห์หน้า และตามขั้นตอน ทางเลขาฯ ครม. จะมีการทำหนังสือเพื่อขอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆ จึงคาดว่าจะสามารถบรรจุวาระครม.พิจารณาได้ภายในเดือน เม.ย. 2568
เดิมรถไฟสายสีแดง ส่วนต่อขยายด้านตะวันตก มี 2 โครงการได้แก่ สายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา ระยะทางรวม 14.8 กม. มี 6 สถานี ได้แก่ สถานีพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. สถานีบ้านฉิมพลี สถานีกาญจนาภิเษก สถานีศาลาธรรมสพน์ และสถานีศาลายา วงเงินโครงการ 10,670.27 ล้านบาท และ สายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทางรวม 5.7 กม. มี 3 สถานี ได้แก่ สถานีตลาดน้ำตลิ่งชัน สถานีจรัญสนิทวงศ์ และสถานีธนบุรี – ศิริราช วงเงิน 4,616 ล้านบาท ต่อมาได้มีการรวมทั้ง 2 ช่วงเป็นโครงการเดียว ระยะทางรวม 20.5 กม. วงเงินโครงการรวม 15,176.21 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการก่อสร้างในพื้นที่ทับซ้อนกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2568 ครม. มีมติอนุมัติทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2562 โดยเป็นการขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม.ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจาก ครม.อนุมัติแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2568 ก่อนจะไปเสร็จในปี 2570 และเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2571
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,310.84 กม. วงเงินลงทุน รวมทั้งสิ้น 297,926 ล้านบาท ซึ่งผ่านขั้นตอนสอบถามความเห็นหน่วยงาน ทางสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ให้ความเห็นชอบมาแล้ว เหลือความเห็นจาก สภาพัฒน์ ซึ่งประเด็นที่มีความกังวลเรื่องการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จะกระทบต่อเพดานหนี้สาธารณ หลังชี้แจงเหตุผลในการดำเนินโครงการไปแล้ว คาดว่าไม่มีปัญหา