ที่ประชุมใหญ่สภายุโรปเรื่องหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ได้จัดประชุมเพื่อการอภิปรายเมื่อวันพุธที่ 12 มีนาคม 2025 ผ่านมา ในวาระเรื่องการตัดสินใจของรัฐบาลประเทศไทยเกี่ยวกับการส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 40 คนกลับประเทศจีน โดยมีแถลงการณ์ ระบุว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 40 รายถูกกักขังในประเทศไทยเป็นเวลานาน 11 ปีกว่า นอกจากนี้ ชาวอุยกูร์จำนวน 5 รายเสียชีวิต เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ในสถานกักตัว และการขาดแคลนการดูแลทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ
สภายุโรป เปิดเผยต่อไปว่า กรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้หลักการไม่ส่งกลับ (non-refoulement) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย นอกจากนี้ สภายุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศไทยเปิดเผยความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในสถานที่กักขังในประเทศไทย และยุติการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนในอนาคต รวมถึงการให้ความเป็นธรรมในการดำเนินคดีกับชาวอุยกูร์ ที่สำคัญ ต้องให้ความร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในความพยายามในการส่งตัวชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่สามด้วย
นางสาวมิเรียม เล็กซ์แมนน์ สมาชิกสภารัฐสภายุโรป ประเทศสโลวาเกีย กล่าวในการประชุมว่า ขอประณามประเทศไทยว่า ประเทศไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงต่อการรับรองศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และอาจเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และประเทศไทยที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ สภายุโรปเน้นย้ำว่าผลลัพธ์ของการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีนั้น มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับเกณฑ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และการเคารพประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนในประเทศภาคีด้วย
นายพิศาล มาณวพัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า กรณีสภายุโรปประณาม และมีมติรับรองข้อมติด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับไทย หลังอภิปรายญัตติร่วมในเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในไทย กรณีการเนรเทศผู้อพยพชาวอุยกูร์นั้น มองว่าเป็นโอกาสที่รัฐสภายุโรปแสดงความไม่พอใจกับสิ่งที่ประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการขัดหลักสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่ และมองว่าประเทศจีนมีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก
รัฐบาลไทยเองต้องดูแลผลประโยชน์ที่จะได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์นี้ด้วย ซึ่งทั้งอียู และสหรัฐอเมริกาล้วนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 2 กับ 3 กับไทย ซึ่งได้ดุลการค้าจากอียู 160,000 ล้านบาท ได้ดุลการค้ากับสหรัฐ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีผลกระทบที่จะมาถึงผู้ผลิตผู้ส่งออกของไทย
ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลไทยยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ หรือเลื่อนการส่งชาวอุยกูร์กลับออกไป 6 เดือน หรือ 1 ปี อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA จากกลุ่มอียู และจะลดความเสียหายจากการประกาศการขึ้นภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย.นี้