นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาส 4 ปี 2566 มีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานไม่สอดคล้องกันโดยมีอุปทานเพิ่มเข้ามาในตลาดถึง 31,363 หน่วย เพิ่มขึ้น 13% มูลค่า 240,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% ประกอบด้วย อาคารชุด 15,593 หน่วย เพิ่มขึ้น 16.2% มูลค่า 95,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.2% ต่อมาเป็นบ้านจัดสรร 15,770 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.1% มูลค่า 144,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9%
อย่างไรก็ตาม ในแง่การขายพบว่ายอดขายใหม่ 18,208 หน่วย ลดลง 14.5% ส่งผลต่อจำนวนที่อยู่อาศัยในภาพรวมเหลือขายเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 4 ไตรมาส หรือในรอบ 1 ปี ทำให้อัตราดูดซับโดยเฉลี่ยลดลง 2.7%
เมื่อแยกตามประเภทที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่าอาคารชุดเปิดขายใหม่สูงสุด 49.7% จำนวน 15,593 หน่วย อันดับ 2 เป็นบ้านเดี่ยว 22.1 % จำนวน 6,917 หน่วย อันดับ 3 คือทาวน์เฮ้าส์ 17.6% จำนวน 5,510 หน่วย และอันดับสุดท้าย ได้แก่ บ้านแฝด 10.5 % จำนวน 3,306 หน่วย สำหรับระดับราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 มากสุดเป็นราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 6,588 หน่วย และราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 6,056 หน่วย