ตะลึงไทยมีเด็กอ้วนลงพุงมากอันดับ 3 ในอาเซียน เด็กไทยเจนอัลฟ่าถึงวันรุ่นแรกเริ่มอ้วนลงพุงเพิ่ม 2-3 เท่า

ตะลึงไทยมี เด็กอ้วน ลงพุง มากอันดับ 3 ในอาเซียน เด็กไทยเจนอัลฟ่าถึงวันรุ่นแรกเริ่ม อ้วน ลงพุงเพิ่ม 2-3 เท่า

หลังจากเป็นที่ฮือฮากันว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย มีจำนวนผู้หญิงอ้วนลงพุงมากที่สุด และกระจุกตัวมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นการเปิดเผยโดย นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข โรงพยาบาลศรีสุโข จังหวัดพิจิตร และผู้ก่อตั้งมาลิคลินิกเวชกรรม สีลม โดยอ้างอิงข้อมูลของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเกี่ยวกับการตรวจร่างกายระหว่างปี 2562-2563 ไปแล้วนั้น

วันโรคอ้วนโลก ปี 2025 โดยกระทรวงสาธารณะสุข ประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยในเด็กและเยาวชน พบว่าภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในเด็กมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กเล็กที่มีอายุ 1-5 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน เพิ่มขึ้นจาก 5.8% เป็น 10.6% และเด็กวัยเรียนเพิ่มขึ้นจาก 5.8% เป็น 15.4% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่น่าสนใจ คือ ประเทศไทยยังมีเด็กเป็นโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากมาเลเซียและบรูไนกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่

ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ปี 2563 พบว่าประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคอ้วนสูงถึงร้อยละ 42.4 เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร กิจกรรมทางกาย และระบบบริการสุขภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วนและโรค NCDs

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเกี่ยวกับการตรวจร่างกายระหว่างปี 2562-2563 พบว่าผู้หญิงไทย 46.4% และผู้ชายไทย 37.8% เป็นภาวะอ้วนหรือมีค่าดัชนีมวลรวมกาย หรือค่า BMI ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ในแง่การวัดขนาดรอบเอว พบว่า ผู้ชายไทยราว 27.7% เป็นภาวะอ้วนลงพุง หรือมีรอบเอวเกินตั้งแต่ 36 นิ้ว หรือ 90 เซนติเมตร ขึ้นไป ที่น่าสนใจ คือผู้หญิงไทยมีสัดส่วนมากถึง 50.4% เป็นภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งมีขนาดรอบเอวเกินตั้งแต่ 32 นิ้ว หรือเกิน 80 เซนติเมตรขึ้นไป นอกจากนี้รายงานดังกล่าว ยังพบว่าผู้หญิงในกรุงเทพมหานครมีความชุกของภาวะอ้วนลงพุง หรือจำนวนและสัดส่วนของผู้หญิงเป็นภาวะอ้วนลงพุงสูงสุดในประเทศไทย

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าโรคอ้วนเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทุกกลุ่มวัย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs นอกจากนี้ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประจำประเทศไทย ดร.โจส์ แวนเดลเลียร์ (Dr.Jos Vandelaer WHO Representative to Thailand) ยังได้ชื่นชมที่ประเทศไทยมีนโยบายและแนวทางในการจัดการโรคอ้วน เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles