BTimes : ‘ปันกันกรีน’ จับผลไม้ไทยสร้างนวัตกรรมทำความสะอาด

1098
0
Share:

Dec 23, 2019

‘ปันกันกรีน’ ดึงข้อดีของผลไม้มาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมี และไม่เป็นอันตรายต่อผิวเด็ก

คุณชัฏศิญาณ์ พรหมมงคลกุล เจ้าของแบรนด์ ปันกันกรีน

“เริ่มต้นจากเราต้องทำให้ลูกใช้ เนื่องจากโรงเรียนเค้าเป็นโรงเรียนทางเลือก แล้วก็อยากให้เด็กๆ ผ่านขบวนการลงมือทำ เพราะฉะนั้นการบ้านของเด็กคืองานประจำก็คือซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน ทีนี้เด็กๆ ก็ล้างจานซักถุงเท้า แล้วมือเขาโดนสารเคมีแล้วแพ้ ก็เลยเป็นจุดประกายว่าเราควรจะทำนะ ไม่ต้องเอาเคมี แต่นำผลไม้ สัปปะรด มะละกอ มะกรูด มาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำแทน”

‘ปันกันกรีน’ ถูกคิดค้นโดยคุณชัฏศิญาณ์ พรหมมงคลกุล คุณแม่ผู้น่ารักที่มองเห็นปัญหาจากการทำกิจกรรมที่เป็นการบ้านของลูกอย่างการซักผ้า ถูบ้าน และล้างจาน แล้วพบว่าเด็กๆ หลายคนแพ้สารเคมี จึงปิ๊งไอเดียที่จะนำผลไม้มาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่ปราศจากสารเคมี โดยการดึงเอาความเป็นกรดเปรี้ยวมาสกัดเป็นน้ำยาทำความสะอาด ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นแบบธรรมชาติ ไม่ทำอันตรายต่อผิวของผู้ใช้งาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากตัดสินใจได้แน่นอนแล้ว ก็ไม่รอช้า เดินหน้าศึกษาอย่างจริงจังจากศาสตร์พระราชาและการอ่านหนังสือ ผสมผสานกับการสอบถามผู้เชี่ยวชาญ คู่ไปกับการทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนสุดท้ายก็สามารถผลิตออกมาวางจำหน่ายได้เป็นที่เรียบร้อย

ปันกันกรีน

ปัจจุบัน ปันกันกรีน ดำเนินธุรกิจมากว่า 2 ปี โดยเน้นทำการตลาดสื่อสารกับผู้บริโภค พร้อมวางจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ ได้แก่ LINE Facebook เว็บไซต์ และช่องทางออฟไลน์อย่างการไปออกบูธสินค้าที่เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ หรือ Natural Product ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังทำการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้าในปริมาณน้อยก่อนได้ ด้วยการเปิดจำหน่ายแบบรีฟิล ขายเป็นขีด ขีดละ 16 บาท พร้อมเอาใจสายรักษ์โลกให้สามารถนำขวดของตนเองมาใส่น้ำยาได้ โดยทำโปรโมชั่นลดราคาให้อีกด้วย สร้างความพอใจเทิร์นเป็นกระแสตอบรับที่ดีกลับมา

ในอนาคต ปันกันกรีน ได้วางเป้าหมายในการเติบโตออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก Short-term คือจะพัฒนา และแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สายธรรมชาติ โดยใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด ส่วนที่ 2 คือแบบ Mid-term ตั้งเป้าขยาย Refill Station ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนสุดท้ายคือ Long-term จะมองในเรื่องของความยั่งยืนเป็นหลัก และดึงให้เกษตรอินทรีย์เข้ามามีส่วนร่วมกันมากที่สุด เพื่อมุ่งหวังให้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีกระจายไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้น และมีราคาที่ย่อมเยาว์ให้ทุกคนสามารถเอื้อมถึง

BTimes