ธุรกิจมูเตลู ซอฟต์พาวเวอร์ ดันท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ฝ่าดรามาการค้าแฝง

1199
0
Share:

ธุรกิจ มูเตลู ซอฟต์พาวเวอร์ ดันท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ฝ่าดรามาการค้าแฝง

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายๆ คนพอจะได้เห็นดรามาผ่านๆ ตา เกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่อง “ปีชง” การ #แก้ชง ซึ่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแก้ชง ไม่ใช่วิธีของพระพุทธศาสนา เป็นความเชื่อของผู้ที่นับถือความเชื่ออื่นมากกว่า แถมมีวัดในบ้านเราต่างโยงเอาความเชื่อที่ไม่ใช่ของพุทธมาหาผลประโยชน์หาเงินจากการแก้ชง สะเดาะเคราะห์ของผู้คนต่างๆ นานา ทำเอาโซเชียลเดือดปุดๆ เพราะต่างคนก็มีความคิดเห็นมุมมองตามความเชื่อส่วนบุคคล

แต่เชื่อหรือไม่ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ค่านิยมเรื่องของความศรัทธา หรือคำฮิตที่เรียกว่า “มูเตลู” ในสิ่งศักสิทธิ์ที่เคารพ ได้กลายเป็นกระแสในบ้านเราอย่างมาก ตั้งแต่องค์พระพิฆเนศ พระตรีมูรติ พระแม่อุมาเทวี องค์พ่อปู่แม่ย่าพญานาค ท้าวเวสสุววรรณ จนมาในช่วงปีนี้ที่องค์พระแม่ลักษมี ก็เป็นกระแสมาแรงมากๆ ในเรื่องความรัก ที่หากใครไปขอพรก็จะสมหวัง หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันอย่างการใส่สีเสื้อมงคล เสริมดวงของวันนั้นๆ การถือฤกษ์งามยามดีก็ด้วย นับเป็นเรื่องของความมูและความเชื่อซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน

และปัจจุบันธุรกิจสายมูเตลู หรือธุรกิจเกี่ยวกับความศรัทธา ก็กำลังมาแรงแบบสุดๆ ส่งผลไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องก็ได้รับอานิสงส์ไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจเดลิเวอรี่ เพราะจากการเปิดเผยของ LINE MAN Wongnai แพลตฟอร์มออนดีมานด์ ในบ้านเราที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่าเป็นปีที่เทรนด์มูเตลูมาแรง สะท้อนจากพฤติกรรมของคนไทยที่สนใจเรื่องการมูเตลูเปลี่ยนไป ตั้งแต่การดูดวงออนไลน์ การทำบุญออนไลน์ รวมไปถึงการเตรียมของไหว้ออนไลน์ ที่จะให้เห็นภาพเลยก็คือจ้างพี่ไรด์เดอร์ให้ไปบูชาไหว้พระ หรือถวายของแก้บนแทนก็มี

บริการ LINE MAN MART ก็เช่นกันที่สินค้าในหมวดของไหว้พระ – เทพ ได้มียอดสั่งรวมทั้งปีถึงกว่า 660,000 ชิ้น เติบโตถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับปีนี้มีอีเวนต์สำคัญทางโหราศาสตร์ และเทพฮินดูเกิดขึ้นตลอดทั้งปี ทำให้เหล่าสายมูแห่สั่งของไหว้ เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนทำพิธี

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ยังมีผลสำรวจเกี่ยวกับ 10 ธุรกิจดาวรุ่งปี 2567 ออกมา ซึ่งธุรกิจสายมูก็ติดอันดับมาแรงในปี 2567 นี้ด้วยเช่นกัน โดยอาจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่าธุรกิจความเชื่อ สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย และธุรกิจซอฟต์พาวเวอร์ไทย จะเป็นธุรกิจที่มาแรงในปีหน้า โดยเฉพะธุรกิจสายมูที่คาดว่ามีเงินสะพัดในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 10,000–15,000 ล้านบาท หรือโตขึ้น 10–20% เพราะคนไทยยังมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

ธุรกิจสายมู ยังต่อยอดขยายไปเป็นเศรษฐกิจสายมู ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เองก็ได้หันมามุ่งส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวสายมูในประเทศไทย โดยเน้นโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาและวัฒนธรรม 60 แห่ง สนับสนุนการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “Connecting to Spiritual Thailand” ให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องราวทางจิตวิญญาณและศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยหวังว่าจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจสายมูเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะ “เศรษฐกิจสายมู” กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก

ถ้าจะสังเกตง่ายๆ เลยคือ หากใครได้เคยผ่านไปผ่านมาตรงแยกราชประสงค์ ตรงจุดศาลท้าวมหาพรหม หรือที่เรียกกันว่าศาลพระพรหมเอราวัณนั้น จะเห็นว่าหนาแน่นไปด้วยผู้คน เฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย โดยฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน หรือแม้แต่พระตรีมูรติ บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่บรรดาสายมูเรื่องความรัก แวะเวียนไปสักการะอยู่เรื่อยๆ

โดยข้อมูลจากผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ บอกว่าในย่านราชประสงค์แต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์เทพต่างๆ เฉพาะพระพรหมเอราวัณที่เดียว มีผู้เดินทางเข้าไปสักการะมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี ทำให้ตอนนี้ย่านราชประสงค์ขึ้นแท่นแลนด์มาร์คสายมู และเป็นแรงหนุนสำคัญให้ธุรกิจ ทั้งค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรม และร้านอาหารคึกคักขึ้น ได้อานิสงส์ไปตามๆ กัน

ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรก ที่เดินทางมาเยือนย่านราชประสงค์สูงสุด คือ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และตะวันออกกลาง เดินทางเพื่อมาสักการะท้าวมหาพรหม และคาดว่าในปี 2567 นี้ จะมีโรงแรมเปิดใหม่เพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งที่ปรับปรุงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ด้วย แล้วก็คาดว่าย่านนี้จะกลับมาคึกคักเท่ากับปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวหมุนเวียนกว่า 600,000 คนต่อวัน เฉพาะช่วงพีค มีปริมาณนักท่องเที่ยวสัญจรไปมาบนสกายวอล์ก 100,000–150,000 คนต่อวัน จากปกติเฉลี่ย 80,000–100,000 คนต่อวัน

เป็นที่มาของ “Connecting to Spiritual Thailand” ในรูปแบบของ E-book ของ ททท. ที่เนื้อหาจะเป็นการแนะนำสถานที่ด้วยภาพถ่ายประกอบแผนที่การเดินทาง และสร้างเนื้อหาบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจในแต่ละสถานที่ และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนในการไปเยี่ยมชมได้ง่าย มีข้อมูลที่สร้างความเข้าใจที่มากขึ้นในแง่ประวัติศาสตร์และความเป็นมาว่าทำไมสถานที่นี้จึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ไปจนถึงวิธีการเคารพบูชา การอธิษฐานขอพร หรือการภาวนาที่ถูกต้อง ณ สถานที่แต่ละแห่งนั้นด้วย

ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าในปี 2566 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญ สร้างรายได้สูงสุดถึง 10,800 ล้านบาท ขณะที่ข้อมูลของ Future Market Insight 2023 พบว่าการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 10 ปี มาอยู่ที่ 40,900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2576 จากปี 2565 ที่ 13,700 ล้านดอลลาร์ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบันธุรกิจมูเตลูจะถูกผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่หลายประเทศใช้ในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และเผยแพร่วัฒนธรรม

นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวสิ่งศักสิทธิ์ที่เป็นกระแสแรงศรัทธาแล้ว ธุรกิจด้านความงามเองก็จับทางเอาดีด้านนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสักคิ้วเสริมดวง เสริมโหงวเฮ้ง เสริมจมูกเสริมโหงวเฮ้งต่างๆ แบรนด์เครื่องสำอางหลายแบรนด์ก็หันมาใช้เรื่องมูเตลูมาเป็นธีม หรือคอลเลกชันเรียกลูกค้ากลุ่มนี้ หรือแม้แต่คอนแทคเลนส์ในยุคนี้ก็ยังมีเรื่องเสริมดวงเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นแบรนด์ Molsion ที่ทำคอนแทคเลนส์สีตามราศีเกิดโดยเฉพาะ แบรนด์เครื่องสำอางดังเช่น Mac ก็จะมีบางคอลเลกชันที่ออกมาช่วงตรุษจีนในธีมสีแดง เรียกทรัพย์เรียกเงินตามความเชื่อ เรียกได้ว่าเทรนด์มูเตลูไปไกลกว่าที่คิดมากๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วัตถุประสงค์หลักของการผลักดันเศรษฐกิจสายมู ไม่ได้ต้องการให้คนหลงงมงาย แต่เป็นการชาร์จแบตร่างกาย มาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ ให้ได้มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างความสบายใจในแต่ละคน การเกิดธุรกิจอื่นๆ เพื่อมารองรับกับดีมานด์ปลีกย่อย ไม่ว่าจะเป็นทัวร์สายมู เครื่องไหว้จัดเซ็ท ขนมไหว้ พวงมาลัยสีตามเทพเจ้าโปรด หรืออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็ไม่แปลกที่ธุรกิจเหล่านี้จะได้อานิสงส์ตามไปด้วย ถ้าตัดประเด็นดรามาเรื่อง พุทธพาณิชย์ ความเชื่อของต่างศาสนาออกไป ก็คาดว่าจะเป็นอีกช่องทางของการดึงเม็ดเงิน เรียกแขก(ต่างชาติ) เข้ามาใช้เงิน กระจายรายได้ให้บ้านเราเป็นกอบเป็นกำ ส่งผลดีในแง่เศรษฐกิจแน่นอน

แต่! (ยังมีแต่) ผู้หลักผู้ใหญ่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องเข้ามาเป็นหูเป็นตา ซัพพอร์ตบรรดาผู้ประกอบการไทย ให้เงินเข้ากระเป๋าคนไทยด้วยกันจริงๆ ผลประโยชน์ที่ได้คงไม่ไปไหนเสีย และจะตกถึงประเทศชาติเราอย่างแน่นอน…

BTimes