สายปาร์ตี้ถูกใจแน่ รัฐบาลจ่อไฟเขียวเปิดผับ บาร์ได้ถึงตี 4 ฟื้นธุรกิจกลางคืนคึกคัก ดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติกระตุกเศรษฐกิจ

1260
0
Share:

สายปาร์ตี้ถูกใจแน่ รัฐบาลจ่อไฟเขียวเปิด ผับ บาร์ ได้ถึง ตี 4 ฟื้นธุรกิจกลางคืนคึกคัก ดึงเม็ดเงิน ท่องเที่ยว ไทย-ต่างชาติกระตุกเศรษฐกิจ
นโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวไทยนอกจากวีซ่าฟรี สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่รัฐบาลได้ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 และจะไปสิ้นสุด 29 ก.พ. ปีหน้า นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ยังมีแนวทางที่จะขยายเวลาการปิดผับ บาร์ เพื่อช่วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย

นายกฯ เศรษฐาให้เหตุผลว่าปัจจุบันประเทศไทยได้เปรียบในทุกๆ ด้าน แต่เรายังโปรโมทน้อยไปคือแหล่งท่องเที่ยวและการจัดงานระดับโลก ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม แต่มีบางอย่างที่เราเองอาจจะหลอกตัวเอง หรือพูดแบบบ้านๆ ก็คือการเป็นสังคมอีแอบอยู่ ทั้งกฎหมาย และข้อบังคับต่างๆ หากคนเข้ามาถึงตอน 4-5 ทุ่ม ผับ บาร์ปิดหมด แต่ก็มีลักลอบเปิดอยู่ดี ตรงนี้จะทำยังไง ซึ่งในเรื่องนี้มองว่าหากรัฐบาลปรับแก้ไขกฎหมายให้ผับ บาร์เปิดบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็อาจเจอการตั้งข้อสังเกตตามมาหลายประเด็น เช่น ปัญหาสังคม ปัญหาด้านความมั่นคง ดังนั้นหากกลับมาคิดกันใหม่ว่าการปิดผับตี 1 ยังเพียงพอต่อการแข่งขันกับเมืองอื่นๆ ทั่วโลกไหม ในฐานะของประเทศไทยที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในภูมิภาค

โดยแนวทางของนายกฯ เศรษฐา คือการพิจารณาขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจากตี 1 เป็นตี 4 ซึ่งก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันหาวิธีและแนวทางที่เหมาะสม

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็รับลูกทันที ได้ให้แต่ละหน่วยงานทำความเห็น รวมถึงข้อดีข้อเสียของนโยบายนี้ โดยเฉพาะการเริ่มในพื้นที่นำร่องก่อน ส่วนการเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวนั้น ทางกระทรวงมีมาตรการคุมเข้มเรื่องอาวุธปืนแล้ว และขอความร่วมมือผู้ประกอบการ และประชาชน ช่วยกันตรวจตราคนเข้าไปในสถานบันเทิง ร้านอาหารต่างๆ ส่วนตำรวจก็ได้ตั้งด่านตรวจกันอย่างเข้มงวด คาดว่าควรจะนำร่องในจังหวัดท่องเที่ยวก่อน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และยิ่งทางการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยก็จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวด้วย

อีกด้านผู้ประกอบการศูนย์การค้า นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย ก็เตรียมจะเสนอรัฐบาลทบทวนกฎหมายขายเหล้า เบียร์ เพราะเมื่อช่วงรัฐบาล คสช. มีกฎหมายที่ออกมาอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบในภาพใหญ่ จึงอยากขอให้ภาครัฐปลดล็อกกฎหมายต่างๆ เหล่านี้ กฎหมายไหนที่ไม่จำเป็นก็ขอให้รีวิวใหม่ เช่น กฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลา 14.00–17.00 น. อยากให้ปลดล็อกกฎหมายนี้ด้วย

ขณะที่นายอธิพล ตีระสงกรานต์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด เห็นว่าหากมีการปลดล็อกเรื่องการขายแอลกอฮอล์ในห้างสรรพสินค้าได้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยว รวมถึงทำให้ร้านอาหารที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้ามีรายได้มากขึ้น ขณะที่การขายจะมีกำหนดอายุเด็กที่มาซื้ออยู่แล้ว ถ้าสามารถให้เปิดขายได้ 24 ชั่วโมงก็จะเป็นการดี

อย่างไรก็ตาม ยังมีฝ่ายที่มองว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดีซะทั้งหมด หากคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) โดยนายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการ สคล. เห็นว่าการขยายเวลาเปิดผับบาร์ ซึ่งอาจขยายถึงตี 1 หรืออาจถึงตี 4 นั้น อยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนก่อนจะมีการประกาศใช้จริงๆ แม้จะเป็นการกำหนดโซนนิ่ง แต่ก็มีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งต้องมีมาตรการและความพร้อมรอบด้าน

ในแง่ของสุขภาพ ทางเครือข่ายฯ เรามองคนละมุมกับเศรษฐกิจ อยากให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ก็อยากให้มองด้านอื่นๆ มิติอื่นๆ ด้วย ทั้งสุขภาพ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ กู้ภัย ประชาชนโดยรอบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะป้องกันได้หรือไม่ หรือจะมีมาตรการอย่างไร ถึงจะคุมพื้นที่ที่กำหนด หรือพื้นที่โซนนิ่ง แต่พื้นที่รอบข้างก็จะมาเที่ยวผับบาร์ที่เปิดแน่นอน สุดท้ายก็แออัดกัน คุมไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น ต้องดูว่าจุดขายที่แท้จริงของไทยคืออะไร ต้องการนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ หรือต้องการอะไร จริงๆ นโยบายการท่องเที่ยวมีหลายมิติ การจะขยายเวลาเปิดผับบาร์ตนว่าไม่ควรพิจารณาเรื่องนี้

สำหรับ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เจ้ากระทรวงสุขภาพ บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่มีมติออกมาชัดเจน อยู่ระหว่างการหารือ แต่เท่าที่ฟังจะมีการกำหนดโซนนิ่งที่มีความเหมาะสม เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ส่วนการขยายเวลาจากเดิมนั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่ากี่โมง แต่กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดูแลในมิติสุขภาพ หากจะมีนโยบายอย่างนี้มา ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสุขภาพ หากสามารถออกมาตรการที่ไม่กระทบด้านสุขภาพจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมเศรษฐกิจได้ ดังนั้น ต้องมาชั่งน้ำหนักให้เกิดความสมดุล ซึ่งน่าจะทำได้ ส่วนกลุ่มที่จะเข้าไปใช้บริการต้องเน้นโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ต้องกำหนดเกณฑ์อายุที่ชัดเจนว่าเท่าไรถึงจะเข้าผับบาร์ได้ เพราะชัดเจนว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต สติปัญญา และส่งผลต่อสังคม

ที่จริงแล้วการพิจารณาขยายเวลาเปิดผับ บาร์ เพื่อโละกฎหมายของ คสช.นั้น เคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ถูกพับไป ซึ่งการที่รัฐบาลเศรษฐานำมาพิจารณาใหม่ก็น่าจะต้องชั่งน้ำหนักกันแบบเข้มๆ ให้เหมือนชงเหล้าออนเดอะร็อคสักแก้วอย่างไงอย่างงั้น เพราะในท้ายที่สุดแล้วการปรับแก้กฎหมายครั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนหรือประเทศเราจะได้รับตอบแทนกลับมา จะเป็นเม็ดเงินด้านเศรษฐกิจ หรือความสูญเสียที่ตีมูลค่าเป็นเงินไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อสังคมและประเทศ

BTimes