ย้อนสถิติราคาทองไทยเมื่อครั้งเกิดภาวะสงคราม เทียบ 2 เหตุการณ์ขัดแย้ง “รัสเซีย–ยูเครน” และ “อิสราเอล–ฮามาส”

1300
0
Share:

ย้อนสถิติ ราคาทอง ไทยเมื่อครั้งเกิดภาวะสงคราม เทียบ 2 เหตุการณ์ขัดแย้ง “รัสเซีย–ยูเครน” และ “อิสราเอล–ฮามาส”

ย้อนสถิติราคาทองไทยเมื่อครั้งเกิดภาวะสงคราม เทียบ 2 เหตุการณ์ขัดแย้ง “รัสเซีย–ยูเครน” และ “อิสราเอล–ฮามาส” แพงขึ้นแค่ไหน ลุ้นราคาพุ่งแตะ 35,000 บาทได้หรือไม่?

ช่วงนี้คงจะไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าราคาทองคำในบ้านเรา ที่ล่าสุดราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์พุ่งขึ้นไปถึง 650 บาท ราคาทองคำรูปพรรณขายทะลุ 34,750 บาท ซึ่งปัจจัยหลักที่เป็นตัวกระตุ้นก็หนีไม่พ้นสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่รุนแรงจนประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แถมยังส่อแววที่จะยังไม่จบ ยืดเยื้อต่อไปอีก บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ราคาทองไทยพุ่งทะยานทำสถิติใหม่ต่อเนื่องมาหลายวันติด

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับราคาผันผวนและนับตั้งแต่เกิดข่าวการสู้รบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม จนถึงวันนี้รวม 7 วัน ราคาทองในประเทศปรับขึ้นมาแล้วถึง 1,800 บาท

หากย้อนกลับไปดูทองคำในวันที่ 14 ตุลาคมที่เหตุสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสปะทุขึ้นในวันแรก ราคาทองคำปรับพุ่งขึ้นถึง 550 บาท ทองคำแท่งรับซื้อ 32,900 บาท ขายออก 33,000 บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อ 32,305.96 บาท ส่วนราคาขายออก 33,500 บาท อ้างอิงราคาทองคำสปอต 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เงินบาทที่ 36.24 บาท

ต่อมาวันจันทร์ต้นสัปดาห์ ราคาทองพลิกกลับมาร่วงลงในช่วงเปิดตลาด ขยับลงมาเล็กน้อยและปรับร่วงลงเรื่อยๆ จนปิดสิ้นวันปรับราคาลงไปกว่า 150 บาท รูปพรรณขายที่ 33,350 บาท รับซื้อ 32,154.36 บาท ทองแท่ง รับซื้อ 32,750 บาท ขายออก 32.850 บาท อ้างอิงทองสปอตที่ 1,913 ดอลลาร์ เงินบาท 36.32 บาทต่อดอลลาร์

แต่ดูเหมือนราคาทองคำในช่วงสัปดาหที่ผ่านมาจะยังไม่หยุดพุ่ง เพราะสถานการณ์สงครามยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีนัก และยังมีความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับอัตราค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับอ่อนค่า จนทำให้ราคาทองคำได้รับอานิสงส์ ปรับพุ่งขึ้นพรวดๆ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา

<ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วทยอยพุ่งแรง>

วันที่ 17 ตุลาคม ราคาทองปรับพุ่งขึ้นรวม 200 บาท ราคาทองรูปพรรณพุ่งขึ้น 33,550 บาท

วันที่ 18 ตุลาคม ราคาทองปรับขึ้นรวม 250 บาท รูปพรรณขายทะลุ 33,800 บาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน

วันที่ 19 ตุลาคม ราคาทองคำรูปพรรณปรับขึ้น แตะ 34,100 บาท บวกขึ้นรวม 300 บาท ทำนิวไฮต่อเนื่องอีกเป็นวันที่ 2

และเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำไทยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงถึง 650 บาท รูปพรรณขายออกทะลุ 34,750 บาท อิงอัตราค่าเงินบาทที่ 36.51 บาทต่อดอลลาร์และทองคำสปอตที่ 1,984 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รวมๆ แล้วทำให้ราคาทองคำ นับตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ปรับขึ้นไปแล้วถึง 1,800 บาทเลยทีเดียว

<ย้อนรอยทองคำช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน>

อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปดูราคาทอง เมื่อช่วงสถานการณ์สงครามในปีที่ผ่านมาระหว่างรัสเซียและยูเครน ครั้งนั้นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาราคาทองพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน เพราะการสู้รบจากประเทศมหาอำนาจ ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ ทั่วโลกวิตก นักลงทุนผวา แห่ซื้อทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในกำมือกันเพียบ

โดยเมื่อครั้งเกิดสถานการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่ระหว่างรัสเซียและยูเครน ช่วงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ราคาทองคำในบ้านเรา ปรับผันผวนอย่างหนัก ปรับขึ้น–ลงรวมถึง 17 ครั้ง โดยปรับราคาในวันเดียวขึ้นไป 1,100 บาทต่อบาททองคำ ทองคำแท่งรับซื้อที่ 29,900 บาท ขายออก 30,000 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณรับซื้อ 29,364.92 บาท ส่วนราคารูปพรรณขายออกที่ 30,500 บาท อ้างอิงราคาทองคำสปอต 1,961 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ค่าเงินบาทขณะนั้นอยู่ที่ 32.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งจะสังเกตได้ว่านักลงทุนสะดุ้งโหยงอยู่ในวันแรก ทำราคาทองพรวดขึ้นไปวันเดียวถึง 1,100 บาท เมื่อเทียบกับสถานการณ์อิสราเอล–ฮามาส จะค่อยๆ ไต่ราคาขึ้นมา และขึ้นสูงสุดต่อวันที่ 650 บาท (วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม)

แต่เนื่องด้วยค่าเงินที่ไม่ได้อ่อนค่าเท่ากับปัจจุบัน จึงทำให้ราคาทองไม่ได้แพงเท่าทองคำในตอนนี้ ขณะเดียวกันราคาทองคำในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน กลับเป็นในลักษณะผันผวน ขึ้น–ลง สวิงซะมากกว่า และทยอยสะสมปรับขึ้น–ลง ต่างจากอิสราเอล –ฮามาสที่ขึ้นพรวดแรง และราคาขายปลีกก็ค่อนข้างสูงกว่า

ในช่วงเริ่มสงครามและต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมีนาคม ที่ราคาทองเฉลี่ยทั้งเดือนปรับขึ้นกว่า 1,000 บาท ส่วนในเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ทองปรับขึ้นเฉลี่ย 1,050 บาท ขณะที่ราคาทองคำเฉลี่ยล่าสุดในเดือนตุลาคม 2566 (1–20 ตุลาคม) ปรับขึ้นเฉลี่ย 2,100 บาทแล้ว โดยอ้างอิงราคาทองคำสปอดเฉลี่ยที่ 1,878.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เงินบาท เฉลี่ย 36.67 บาทต่อดอลลาร์

อ้างอิงจากเว็บไซต์ ทองคำราคา.com

<ลุ้นราคาทองคำพุ่งทะยานแตะ 35,000 บาท>

หลายกูรูในบ้านเราต่างประเมินทิศทางราคาทอง โดยมีสองเคสที่มีผลต่อราคาทอง โดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่ม บ.เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก บอกว่าแนวโน้มราคาทองคำโลกยังเป็นขาขึ้นจากความกังวลสงครามที่ยังไม่จบ และมีแนวโน้มบานปลาย หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซา โดยมีการคาดการณ์ไว้ 2 แนวทาง คือ
1. สงครามดำเนินต่อไป แต่มีขอบเขตชัดเจน ไม่ขยายวงไปยังประเทศข้างเคียง จะทำให้ราคาทองคำค่อยๆ ขยับขึ้น ไปถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
2. หากสงครามทวีความรุนแรงมากขึ้น และมีประเทศที่ 3 เข้าร่วมวงด้วย จนกลายเป็นความขัดแย้งในระดับภูมิภาค ราคาทองคำก็จะทะลุสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างไม่ยาก หรือประมาณ 35,000 บาท แต่ก็ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะราคาทองคำที่ปรับขึ้นในขณะนี้เป็นผลจากสงครามล้วนๆ

ด้านฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส มองว่า ถ้าสถานการณ์สงครามบานปลาย ทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงว่าเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2% ส่วนกองทุน SPDR ถือทองเท่าเดิม ราคาทองคก็อาจจะขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,980 ดอลลาร์ แต่คาดจะเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมา

ขณะที่นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการทองคำมานาน กล่าวว่า ทองคำที่ปรับขึ้นนิวไฮมาหลายวันช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลักๆ มาจากความกังวลสงครามที่เริ่มมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ยังยืดเยื้อ และมีความกังวลว่าอาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมด้วย ซึ่งยิ่งส่งแรงซื้อทองคำเก็บในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นเรื่อยๆ

ยังมีอีกหลายสำนักวิจัยหรือหลายโบรกฯ ที่ประเมินว่าราคาทองคำจะยังมีโอกาสพุ่งขึ้นไปได้อีก เพราะดูท่าทีแล้วสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล–ฮามาสจะยังไม่จบง่ายๆ แถมสหรัฐก็ยังออกตัวแรงเข้าไปแจมอีกด้วย คราวนี้ใครมีทองอยู่กับมือคงจะมือสั่นไม่เบา ราคาที่ขึ้นในแต่ละวันนั้นมันน่าขายซะจริงเชียว แต่ก็มีหลายกูรูที่บอกให้รอก่อน เดี๋ยวขึ้นอีก อันนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ จิตที่แข็ง และสติ ระมัดระวังรอบคอบมากที่สุด เพราะอย่าลืมว่าการลงทุนทุกสินทรัพย์มีความเสี่ยง…

BTimes