ศึกชิงประธานสภาฯ เขย่าตลาด ทำความเชื่อมั่นเอกชน ต่างชาติกระเพื่อม ไม่กล้าลงทุน หวั่นเศรษฐกิจสะดุดตกลงหลุม

1322
0
Share:

ศึกชิง ประธานสภา เขย่าตลาด ทำความเชื่อมั่นเอกชน ต่างชาติกระเพื่อม ไม่กล้าลงทุน หวั่น เศรษฐกิจ สะดุดตกลงหลุม

ศึกชิงประธานสภาฯ เขย่าตลาด ทำความเชื่อมั่นเอกชน ต่างชาติกระเพื่อม ไม่กล้าลงทุน หวั่นเศรษฐกิจสะดุดตกลงหลุม ทำไทยถูกฟรีซไม่ไปหน้ามาหลัง เพราะการเมืองโหมกระหน่ำทำพิษ

ตั้งแต่เลือกตั้งแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็กินเวลามากว่าเดือนครึ่ง ความหวังที่จะมีรัฐบาลใหม่เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้เร็วที่สุด แต่ก็ดันลุ่มๆ ดอนๆ ตกลงแบ่งตำแหน่งเก้าอี้กันยังไม่ลงตัว เกิดเป็นกระแสข่าวออกแพล่มออกมารายวัน โดยเฉพาะการเลือกตำแหน่งประธานสภาระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยที่ก็ยังไม่ลงตัวกันสักที

ซึ่งสิ่งที่สะท้อนได้ชัดจากความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ใครๆ รอคอยนี้ ส่งแรงกระเพื่อมมายังตลาดหุ้นไทยให้ต้องเจอกับมรสุมหลายเด้ง ทั้งความกังวลเรื่องเฟดที่เตรียมกระหน่ำขึ้นดอกเบี้ยอยู่ไม่หยุด หรือแม้แต่บริษัทจดทะเบียนฉาว อย่างหุ้น STARK ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน ทั้งรายใหญ่รายย่อย รวมถึงประเด็นหุ้นไอทีวีของว่าที่นายกฯ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ยังมีประเด็นของการถือหุ้นสื่อไอทีวี แม้เจ้าตัวจะบอกว่าสถานะขณะนั้นคือผู้จัดการมรดก ทำเอาตลาดหุ้นไทยปั่นป่วนพอสมควร รวมถึงหุ้น GULF INTUCH หรือแม้แต่ ADVANCE เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการถือหุ้นไอทีวีด้วย

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนกล่าวว่าการตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นแล้วกว่าแสนล้านบาท แต่หุ้นไทยยังมีโอกาสรีบาวน์ได้ หากสามารถตั้งรัฐบาลได้เร็ว และมีนโยบายเศรษฐกิจเป็นที่ยอมรับและเป็นมิตรกับภาคธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าภาคธุรกิจจะได้รับการดูแลอย่างดี

อย่างไรก็ตามดัชนีในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้คงไม่ขยับไปไหนไกล ยิ่งถ้ามีความขัดแย้งจนบานปลายเกิดความวุ่นวาย ก็เชื่อว่าจะยิ่งฉุดความเชื่อมั่นลดลงไปอีก และยังทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนลดลงตามไปด้วย แต่หากมีการเลือกประธานสภาได้ข้อสรุปชัดเจน ก็อาจจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคการลงทุนและตลาดทุน โดยอาจจะไม่ต้องรอถึงขั้นโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตลาดน่าจะปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่ภาคเอกชน ที่เตรียมพร้อมแข็งขันที่จะร่วมงานกับรัฐบาลใหม่เต็มที่ เพื่อหวังจะเดินหน้าธุรกิจให้เดินไปข้างหน้า แต่ก็ยังต้องเซ็งต่อ เพราะเลือกตั้งมาตั้งนาน แต่รัฐบาลยังไม่มีความแน่นอนสักที และสิ่งที่เอกชนกังวลที่สุดคือต่างชาติจะหนีหาย ไม่มาลงทุนเพราะยังกล้าๆ กลัวๆ จะลงทุนด้านท่องเที่ยวก็กังวลว่าปลายปีจะมีม็อบลงถนนอีกหรือเปล่า ถ้ามีอีกคราวนี้คงไม่น่าคุ้ม

ในด้านของการส่งออก ระยะสั้นไม่ได้ส่งผลกระทบ เพราะแม้ว่าจะมีความขัดแย้งแต่การค้าก็ยังคงเดินหน้าต่อเหมือนกับที่ผ่านๆ มา แต่ถ้ามองในระยะกลาง และระยะยาว เอกชนเองก็ยังอยากเห็นความสมานฉันท์และมีการตั้งรัฐบาลโดยเร็ว มีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เนื่องจากปีหน้าน่าห่วงมาก เพราะจะเกิดเอลนีโญที่ส่งผลต่อภาคเกษตร ซึ่งไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศส่งออกสินค้าเกษตรอาหารของโลกที่สำคัญ

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเลือกประธานสภา มีกรอบระยะเวลาที่ล็อกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งก็เหมือนกับการเลือกตั้งที่มีขั้นตอนการรับรอง ส.ส. ดังนั้นประธานสภาเองก็เหมือนกันมีเงื่อนไขเรื่องเวลาเช่นกัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าคงไม่ยืดเยื้อและไปกระทบกับกรอบเวลาเดิมที่กำหนดไว้ แต่ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว

ด้านสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มองว่า ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้า ต่างชาติ wait and see หรือรอดูก่อน ก่อนที่จะกลับมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ไทยเสียโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทยในอุตสาหกรรมสำคัญๆ บางครั้งเราอาจเสียโอกาสในการเร่งเจรจาการค้าเสรี (FTA) กับชาติยุโรป หรือชาติคู่ค้าสำคัญ ส่งผลให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย พิจารณาย้ายฐานไปเวียดนามหรือประเทศอื่นได้ ถ้าสถานการณ์ของเรายังไม่มีการเอื้อ ให้เกิดประโยชน์จากการตั้งฐานการผลิตในประเทศ

นอกจากนี้ งบการใช้จ่ายภาครัฐ งบการลงทุนภาครัฐ อาจลดลงต่อเนื่องได้ กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ เมื่อเอกชนไทยยังไม่เห็นโครงการลงทุนภาครัฐใหม่ๆ เอกชนอาจชะลอการก่อสร้างและกระทบภาคส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวการเจรจาตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกล จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ 2 ที่นั่ง บนเงื่อนไขที่ว่าทั้ง 8 พรรคร่วมจะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น ก็ยังเป็นที่ถกเถียง และยังคงลุ้นกันอยู่ว่า “พิธา” แม่ทัพก้าวไกล จะไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว. ได้หรือไม่ หรือสุดท้าย พรรคเพื่อไทยได้เป็นฝ่ายกุมชัยชนะ คว้าตำแหน่งผู้นำจัดตั้งรัฐบาลแทน ก็ยังไม่สามารถมีใครไขความกระจ่างได้ จนกว่าจะถึงวันเปิดประชุมสภา ถึงเวลานั้นบรรดากองเชียร์ทั้งสองพรรคใหญ่ก็คงต้องมาช่วยลุ้นกันตัวโก่ง ว่าเกมนี้ ท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นฝ่ายได้เหรียญทองไปครอง

แต่ไม่ว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีกี่ที่นั่ง สิ่งที่ประชาชนสนใจและต้องการมากที่สุดคือ รัฐบาลที่เข้ามาจัดการสะสางปัญหา นำพาประเทศให้เดินต่อไปข้างหน้า ไม่ใช่ต้องมาสะดุดเพราะยังตั้งรัฐบาลกันไม่ได้สักที…

BTimes