เตรียมเสียตังค์ ! กทม.เตรียมเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 15 บาทตลอดสาย กลาง ม.ค.67

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.มีกำหนดจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต–สะพานใหม่–คูคต อัตรา 15 บาทตลอดสาย ในช่วงกลางเดือน ม.ค.2567 เพื่อจะนำรายได้ค่าโดยสารส่วนนี้มาชำระให้กับเอกชนในบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในกรอบช่วงเวลาของข้อพิพาท เพื่อทำให้หนี้ค่าจ้างเดินรถไม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระบวนการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 นั้น ปัจจุบัน กทม.ได้ทำหนังสือขอความเห็นมายังกระทรวงคมนาคม พร้อมหารือในแนวทางจัดเก็บค่าโดยสารแล้ว ซึ่งกระทรวงคมนาคมไม่มีปัญหาติดขัด หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 30 วันก่อนเริ่มจัดเก็บค่าโดยสาร
อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในช่วงแรกที่เริ่มจัดเก็บค่าโดยสารประชาชนจะใช้บริการลดลง หลังจากที่ปัจจุบันในช่วงส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต–สะพานใหม่–คูคต มีปริมาณผู้โดยสาร 4 แสนคนเที่ยวต่อวัน และสายสีเขียวหลัก ช่วงสถานีหมอชิต – สถานีอ่อนนุช และสถานีสนามกีฬา – สถานีสะพานตากสิน รวมส่วนต่อขยายที่ 1 สายสุขุมวิท (ถานีอ่อนนุช–สถานีแบริ่ง) และส่วนต่อขยายสายสีลม (สถานีสะพานตากสิน–สถานีบางหว้า) มีปริมาณผู้โดยสารราว 1 ล้านคนเที่ยวต่อวัน
สำหรับปัจจุบันหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่าง กทม.โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบ่งออกเป็น 1.ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช–แบริ่ง และสะพานตากสิน–บางหว้า) และช่วงที่ 2 (แบริ่ง–สมุทรปราการ และหมอชิต–สะพานใหม่–คูคต) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และ 2.ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้า/เครื่องกล (E&M) รวมกว่า 2.28 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ หนี้ในจำนวนนี้ปัจจุบันได้มีการยื่นฟ้องและอยู่ในขั้นตอนศาลปกครองพิจารณา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ1.หนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ศาลปกครองพิพากษาให้ กทม. และเคทีร่วมกัน จ่ายหนี้ให้กับบีทีเอส จำนวนประมาณ 11,755.06 ล้านบาท ทั้งในส่วนค่าเดินรถ และซ่อมบำรุง และ 2.หนี้ก้อนที่ 2 ส่วนค่าเดินรถ และซ่อมบำรุง ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้จ่ายหนี้เพิ่มอีก ประมาณ 11,068.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565