กกพ. กดลดค่าเอฟที งวด ม.ค. – เม.ย. 64 ทำค่าไฟถูกลง 2.89 สต.

804
0
Share:

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2564 เหลือ -15.32 สต.ต่อหน่วย ลดลงจากการเรียกเก็บงวดก่อนหน้า (ก.ย. – ธ.ค. 2563) ที่ -12.43 สต.ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าจ่ายค่าไฟฟ้าถูกลงอีก 2.89 สต.ต่อหน่วย หรืออยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย จากที่ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้บริหารจัดการ และตรึงค่าเอฟที เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้แม้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มความต้องการก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นในตลาดโลก แต่ด้วยการบริหารจัดการ การนำเข้า LNG Spot ซึ่งมีราคาถูกกว่าราคาก๊าซในอ่าวในช่วงที่ผ่านมา และสามารถทดแทนก๊าซในอ่าวได้บางส่วน ทำให้ราคา Pool Gas มีราคาถูกลง ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซมีราคาถูกลงกว่าที่ได้เคยประมาณการไว้
.
อย่างไรก็ตาม กกพ. ได้คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ราคาเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น สภาวะเศรษฐกิจที่อาจยังไม่ฟื้นตัวในระยะสั้น ปัจจัยเสี่ยงใน เรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งศักยภาพในการตรึงเอฟทีตลอดทั้งปี 2564 แล้ว จึงมีมติให้เรียกเก็บค่าเอฟทีในอัตรา -15.32 สตางค์ ในรอบ ม.ค – เม.ย. 2564
.
สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟที ในงวด ม.ค. – เม.ย. 2564 ประกอบด้วย 1.ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2564 เท่ากับประมาณ 60,685 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2563 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 58,910 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 3%
.
2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2564 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 55.32%การซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 14.92% ถ่านลิกไนต์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย( กฟผ. ) 9.47 % ถ่านหินนำเข้า 8.31% และอื่นๆ อีก 8.14%
.
3. สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยรวมราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยแต่ละประเภทเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา ยกเว้นราคาถ่านหินนำเข้าที่ปรับตัวลดลงจากงวด ก.ย. – ธ.ค. 2563
.
4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1 – 31 ก.ย. 2563) เท่ากับ 31.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากประมาณการในงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ