กบน. เร่งคืนเงินกองทุนฯ จากการเก็บจากผู้ใช้น้ำมัน 1.15 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันโลกลดลง

351
0
Share:
กบน. เร่งคืนเงินกองทุนฯ จากการเก็บจากผู้ใช้ น้ำมัน 1.15 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันโลกลดลง

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 มีมติให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ 1.15 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับลดลง (เป็นครั้งที่ 3 ในปี 2565 ที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ) โดยจะช่วยให้กองทุนฯ เริ่มมีเงินไหลเข้า 71.10 ล้านบาทต่อวัน เพื่อเตรียมรองรับกรณีหมดอายุมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตรของกระทรวงการคลัง ในวันที่ 20 พ.ย. 2565 นี้ โดยหากกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซลอีก จะส่งผลให้ราคาดีเซลต้องขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดังนั้นการที่กองทุนฯ เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซล จะสามารถนำมาบริหารจัดการไม่ให้ราคาดีเซลขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตรได้

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ สกนช. ตลอด 1 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564-ก.ย. 2565 โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาดีเซลรวม 111,540 ล้านบาท ส่วนชดเชย LPG รวม 25,111 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนฯ เข้าสู่ภาวะติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ณ วันที่18 ก.ย. 2565 ซึ่งติดลบถึง 125,348 ล้านบาท ) โดยสถานะกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ย. 2565 ติดลบรวม 124,216 ล้านบาท โดยมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 82,674 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 42,542 ล้านบาท

ด้านนายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ( สกนช.) กล่าวว่า สกนช. เตรียมนำเสนอแนวทางการเก็บภาษีน้ำมันหลังหมดมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยแนวทางหนึ่งที่จะนำเสนอคือ ถ้ากระทรวงการคลังกลับมาเก็บภาษี 5 บาทต่อลิตร กองทุนฯจะเข้าไปชดเชยราคา ตามจำนวนเงินที่กองทุนเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซล เช่น ปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ 1.15 บาทต่อลิตร ก็จะพิจารณานำไปชดเชย 1 บาทต่อลิตรและอีก 15 สตางค์ต่อลิตรจะเก็บเข้ากองทุนฯ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาดีเซลขยับขึ้นแค่ 4 บาทต่อลิตร แทนที่จะขึ้น 5 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามหากกองทุนเก็บเงินได้มากกว่า 1.15 บาทต่อลิตรก็จะช่วยพยุงราคาดีเซลได้มากขึ้น

โดยสกนช. เตรียมพร้อมรองรับทิศทางราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว 4 เดือนตามฤดูกาล (พ.ย.-ธ.ค.-ม.ค.-ก.พ.) ซึ่งคาดว่าต้องใช้เงินกองทุนฯไปชดเชยดีเซลประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในเดือน ธ.ค. 2565 นี้ จะสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ส่วนวงเงินกู้จะพิจารณาตามสถานการณ์การใช้เงินในช่วงนั้นๆ ภายใต้กรอบวงเงินที่กู้ได้สูงสุดที่ 30,000 ล้านบาท