‘จุลพันธ์’ยืนยันไม่ได้กู้เงินธ.ก.ส. แจกดิจิทัลวอลเล็ต แค่เป็นกลไกการใช้งบฯ อย่าลืมรัฐถือหุ้น 100%

54
0
Share:
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้(23 เม.ย.) นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากรณีสหภาพธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าพบที่กระทรวงการคลังเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) เพื่อขอให้ชี้แจงกรณี ที่จะนำเงินของธ.ก.ส.ไปใช้ในโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ใน 5 ประเด็นนั้น ได้นั่งพูดคุยกันและชี้แจงเรียบร้อยดี และก็เข้าใจตรงกัน ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ซึ่งพวกเขาก็ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย โดยทางคณะกรรมการฯ และกระทรวงการคลังก็ได้ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องการความมั่นใจ ว่ามีขั้นตอนทางกฏหมายอะไรที่รัฐบาลต้องทำ เช่น ส่งให้ทางสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบซึ่งก็ต้องทำ
ส่วนได้กำหนดระยะเวลาให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน แต่อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่มีความกังวล เพราะรัฐบาลมั่นใจ ว่าทุกอย่างทำตามกรอบกฏหมายชัดเจน
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ยืนยันถึง 5 ข้อสงสัยของสหภาพแรงงานธ.ก.ส. ว่าสามารถชี้แจงได้หมด รวมถึงแหล่งที่มาของเงิน ส่วนเรื่องของสภาพคล่องไม่น่าเป็นห่วง เพราะธ.ก.ส. สามารถบริหารจัดการได้ โดยกลไกปกติผ่านการบริหารจัดการของธนาคาร ส่วนการชำระเงินคืนก็เป็นไปตามกลไกของงบประมาณ ที่รัฐบาลจะต้องมีกลไกในการชำระคืน ตามม.28 ให้กับธ.ก.ส.ในแต่ละปี พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่กลัวว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมเพราะเมื่อวานได้พูดคุยกันเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี และเข้าใจตรงกัน โดยขณะนี้รัฐบาลเป็นหนี้ธ.ก.ส.อยู่ประมาณประมาณ 8-9 แสนล้านบาท และยืนยันว่าครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการกู้เงินของธนาคารธ.ก.ส. มาทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นการใช้กลไกผ่านงบประมาณและมาตรการการเงินการคลัง เพราะรัฐบาลกู้เงินธ.ก.ส. ไม่ได้
ทั้งนี้ ตนได้ยืนยันไปทางสหภาพแรงงานธ.ก.ส. ไปในสามประเด็นคือ กลไกทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฏหมาย และเสถียรภาพของธนาคารธ.ก.ส. จะต้องแข็งแกร่งพอรัฐบาลจะมีนโยบายที่จะเพิ่มในเรื่องความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. และที่สำคัญรัฐบาลถือหุ้น 100% ไม่มีทางที่จะรัฐบาลจะปล่อยให้กลไกนี้สั่นไหว ขณะที่ปีนี้เป็นปีที่สำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้ มาตรการตามมาตรา 28 ซึ่งทุกรัฐบาลก็ทำมากันตลอด เพราะเป็นกลไกที่จะเอื้อมมือไปหาเกษตร โดยไม่ขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และสุดท้าย จะต้องไม่กระทบต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพของพนักงานธ.ก.ส.
ส่วนเรื่องแอปฯ รัฐก็ได้มีการพูดคุยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่คาดหวังว่า จะสามารถอัปเกรดเป็นซุปเปอร์แอปฯ ซึ่งเป็นเรื่อง ของกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จะเป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการดำเนินการพัฒนาระบบ เพื่อให้เชื่อมโยง ความเป็นรัฐทั้งหมดเข้ามาอยู่ในแอปฯเดียวกัน เพื่อไปเป็นจุดเชื่อมในอนาคต