เงินเฟ้อพุ่ง! สหรัฐฯ เผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 6.2% สูงสุดในรอบ 30 ปี
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อ ประจำเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9% และเป็นตัวเลขสูงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2533
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทำให้เกินผลกระทบไปยังระบบเศรษฐกิจ และยังได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและภาวะขาดแคลนแรงงาน รวมถึงได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งทำให้ดัชนีพลังงานเพิ่มขึ้น 4.8%
ทางด้าน ไมเคิล เฟอร์โอลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของ JPMorgan Chase & Co กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯในเดือน ต.ค.อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มขึ้น รวมถึงอาจทำให้เฟดกำหนดเวลาสำหรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟด เดือนธ.ค.นี้ เนื่องจากมีความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจกินเวลานานกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้และอาจส่งผลกระทบกับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในสหรัฐฯได้
ทั้งนี้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทำให้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมที่จะจัดการปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นอันดับแรก เนื่องจากปัญหาดังกล่าวได้ทำให้การใช้จ่ายของประชาชนสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และบรรดานักลงทุนต่างกังวลว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดนี้จะทำให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในเดือน มิ.ย.ปีหน้า
