กฟผ.เตือนค่าไฟฟ้าปี 66 อาจทะลุ 2 หลักแถวๆ 13.30 บาท แพงเป็นประวัติศาสตร์อีกปี

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้าปี 66 จะทรงตัวระดับสูงต่อไป เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงหลัก โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ผันแปรตามราคาน้ำมัน ขณะที่ไทยต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าถึง 20% ที่มีราคาสูงมาก หากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังยืดเยื้อต่อเนื่องก็จะทำให้ราคาแอลเอ็นจีมีแนวโน้มแพงมาก เช่น หากแอลเอ็นจี 50 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู จากปัจจุบัน 40 เหรียญฯต่อล้านบีทียู เมื่อเทียบเป็นหน่วยค่าไฟฟ้าของไทย จะสูงถึงกว่า 13.30 บาทต่อหน่วย หากผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัด หรือใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด จะทำให้ใช้แอลเอ็นจีน้อยลง ต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะต่ำลง

ในสัปดาห์ผ่านไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2566 น่าจะเพิ่มขึ้นแตะราว 4.85 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 16 จากค่าไฟเฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่อยู่ราว 4.18 บาทต่อหน่วย

รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวต่อไปว่า การบริหารต้นทุนค่าไฟฟ้า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างปรับแผนเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ทั้งการใช้น้ำมันดีเซลทดแทนแอลเอ็นจีที่แพงกว่า การยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ จ.ลำปาง และ กฟผ.สั่งเดินเครื่องผลิตจากโรงไฟฟ้าต้นทุนต่ำที่สุดก่อน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พร้อมปรับระบบไฟฟ้ารองรับพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบมากขึ้น จัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย ยืดหยุ่น นำพลังงานหมุนเวียนมาปรับใช้อย่างเหมาะสม พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบต่างๆ

ในปัจจุบันค่าไฟฟ้าเอฟทีโดยรวมในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 ขึ้นมาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อนำมารวมกับค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่าย 4.72 บาทต่อหน่วย ทำสถิติแพงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังเป็นค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565 ซึ่งอยู่ที่ 4 บาทต่อหน่วย หรือขึ้นมาถึง 18%

ทั้งนี้ หากปัจจัยต่างๆส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าในปี 2566 ตามที่รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้กล่าวข้างต้น จะส่งให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงถึง 182% จากค่าไฟฟ้าในรอบปัจจุบันระหว่างกันยายถึงธันวาคม 2565