กรมวิทย์ฯ ยันพันธ์ุโอไมครอนหลบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกสูตรการฉีด 2 เข็ม

392
0
Share:
โควิด

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันร่างกายใน 8 สูตรวัคซีนที่ฉีดในไทย ว่าจากการนำเลือดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนมาตรวจภูมิคุ้มกันกับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาและโอไมครอน แบบตัวเป็นๆ มีการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ระดับ 3 ด้วยวิธี PRNT (เพาะเชื้อไวรัสในเซลล์) พบว่าในส่วนของสูตรวัคซีน 2 เข็ม ทั้งสูตรไขว้และแบบชนิดเดียวกัน ทุกสูตรระดับภูมิคุ้มกันป้องกันเดลตาได้ดี

แต่ระดับภูมิคุ้มกันในโอไมครอนกลับตอบสนองไม่ดีเท่า ระดับภูมิคุ้มกันหายไปเกือบครึ่ง บางสูตรลดลง 17 เท่า แสดงว่าไอโมครอนหลบวัคซีนได้ดี ดังนั้น จำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 เพื่อให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ทั้งในสูตรซิโนแวค+แอสตราฯ หรือแอสตราฯ+แอสตราฯ หรือไฟเซอร์+ไฟเซอร์ หรือซิโนแวค+ไฟเซอร์ หรือแอสตราฯ+ไฟเซอร์

นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวว่า ส่วนการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันในสูตรวัคซีนที่รับครบ 3 เข็ม ได้แก่ 1 ซิโนแวค+ซิโนแวค+แอสตราฯ พบภูมิตอบสนองต่อเดลตา 368.1 แต่หากเป็นโอไมครอน ภูมิตอบสนอง 71.64, ซิโนแวค+ซิโนแวค+ไฟเซอร์ ตอบสนองเดลตา 729.3 แต่หากเป็นไอไมครอน ตอบสนอง 282.5 และ 3 แอสตราฯ+แอสตราฯ+ไฟเซอร์ ตอบสนองต่อเดลตา 691.1 แต่หากเป็นโอไมครอน ตอบสนอง 222.9 ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการรับวัคซีนเข็ม 3 สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ และช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้มากขึ้น

ทั้งนี้ กรมวิทย์ฯ เตรียมประสานขอข้อมูลกับกรมการแพทย์ ในส่วนคนป่วยที่หายแล้ว เพื่อติดตามอาการและเพื่อดูความรุนแรงของโรค ส่วนกรณีการติดเชื้อโควิดของอังกฤษที่ระบุว่า มีสัญญาณว่าอาจเป็นการสิ้นสุด และเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นนั้น เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ดูต่อไป ตอนนี้เพียงแต่สายพันธุ์ยังไม่รุนแรง แต่ต้องขอเวลาดูต่อไปอีกระยะ พร้อมระบุว่าความหวังเรื่องของการรับวัคซีนเพียงปีละ 1 เข็ม เพื่อป้องกันโควิด คงไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากผลการศึกษาเห็นแล้วว่า ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ไม่นาน จึงเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น