กรมอนามัยเผยวิกฤตฝุ่นภาคเหนือ ทำประชาชนเข้าโรงพยาบาล แล้วกว่า 250,000 ราย

779
0
Share:

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 พื้นที่ภาคเหนืออยู่ในค่าเกินมาตรฐาน (สีส้ม) และยังพบพื้นที่ขั้นวิกฤต (สีแดง) มีผลกระทบต่อสุขภาพ 6 พื้นที่ใน 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ค่าสูงสุดวันนี้อยู่ที่ 194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ที่แม่ฮ่องสอน สำหรับพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง อยู่ในระดับปานกลาง
.
จากรายงานการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-7 มี.ค. พบมีผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่สถานพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีจำนวนสะสม 255,077 ราย เป็นผู้ป่วยด้วยกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด และสมองอุดตันขาดเลือด
.
สอดคล้องกับการเฝ้าระวังอาการตนเองของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง (อนามัยโพล) ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 1-8 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในภาพรวมมีอาการถึง 39.49 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่มีอาการแสบจมูก 19.32 เปอร์เซ็นต์ คัดจมูก มีน้ำมูก 18.90 เปอร์เซ็นต์ ระคายเคืองตา 15.54 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มอายุ 45-54 ปี เป็นกลุ่มที่มีอาการมากที่สุด
.
ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง จึงต้องดูแลป้องกันตนเองอยู่เสมอ คือ 1.ตรวจเช็กค่าฝุ่น ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เช่น Air4Thai หรือ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5”
.
2.เลือกปฏิบัติตัวให้เหมาะสม โดย ลด เลี่ยง งดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นต้องออกจากบ้านให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95 โดยเลือกหน้ากากให้เหมาะสมกับลักษณะงานหรือกิจกรรมของผู้สวมใส่ มีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้า หน้ากากต้องได้มาตรฐาน สะอาด ไม่มีกลิ่นผิดปกติ หรือฉีกขาด ต้องครอบจมูก และปาก
.
3.ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นทั้งภายในและภายนอกบ้าน เช่น การเผาในที่โล่งแจ้ง หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เพื่อลดฝุ่นในบ้าน 4.หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที