กรุงศรีฯ คาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.95-34.65 บาทต่อดอลลาร์ ลุ้นดอลลาร์ฟื้นตัวช่วงสั้น จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน-เงินเฟ้อยุโรป แนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย

273
0
Share:

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.95-34.65 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายแคบๆในช่วง 34.20-34.39 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเป็นขาลงแม้เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 21-22 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่าผู้ดำเนินนโยบายหลายรายกังวลว่าปัญหาในภาคธนาคารจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ลดช่วงลบท้ายสัปดาห์หลังเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป โดยสัญญาล่วงหน้าสะท้อนว่ามีความเป็นไปได้ราว 78% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bp สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเล็กน้อยเป็นเติบโต 2.8% เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและภาวะปั่นป่วนในระบบธนาคารเพิ่มความไม่แน่นอนต่อภาคเศรษฐกิจนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องและผลกระทบจากสงครามในยูเครน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 420 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 3,465 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ คาดว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/66 ของจีนรวมถึงเงินเฟ้อฝั่งยุโรป ในภาพใหญ่เรามองว่าแม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไปแต่มีโอกาสสูงที่จะเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายของวัฎจักร

ขณะที่ธุรกิจขนาดย่อมเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงในระยะข้างหน้าบ่งชี้ว่าเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางหลักหลายแห่ง ในภาวะเช่นนี้เราประเมินว่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานในกรอบและฟื้นตัวอย่างจำกัดเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่

นอกจากนี้ ยังมองว่า ท่าทีของผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)คนใหม่ซึ่งทำให้ตลาดเลื่อนการคาดการณ์ว่าบีโอเจจะปรับนโยบาย Yield Curve Control ออกไปสร้างแรงกดดันให้เงินเยนอ่อนค่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ส่วนปัจจัยในประเทศ จากการที่แบงก์ชาติจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่สะดุดและลดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ขณะที่ผู้ดำเนินนโยบายการเงินไม่สามารถระบุได้ว่าดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ที่เท่าใด แต่คาดว่ายังต้องควบคุมความเสี่ยงเกี่ยวกับเงินเฟ้อต่อไป