กรุงไทยมองแบงก์ชาติจ่อขึ้นดอกเบี้ยรอบหน้าอีก 0.25% เป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง

215
0
Share:
กรุงไทย Krungthai COMPASS มอง ธนาคารแห่งประเทศไทย จ่อขึ้น ดอกเบี้ย รอบหน้าอีก 0.25% เป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS โดยนายฉมาดนัย มากนวล และนายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS ในเครือธนาคารกรุงไทย คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีและอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับ Pre-COVID แล้ว และคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี

จากการแถลงของกนง.เมื่อวานนี้ คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 ล้านคนในปีนี้ (จากเดิมคาดไว้ที่ 22 ล้านคน) ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคบริการให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง และจะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดีขึ้น

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกจากราคาพลังงานเป็นสำคัญ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ทรงตัวในระดับสูงมีความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นได้จากการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงรอบด้าน

ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สอดคล้องกับที่ กนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้น

ขณะที่ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง แม้ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น

ด้านธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลง ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการสิ้นสุดมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF fee) แต่ปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว

ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น ตามการคาดการณ์การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจผ่อนคลายลง และการผ่อนคลายมาตรการเดินทางของจีนที่จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย