กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ – ค้าปลีกเสนอแนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

1149
0
Share:

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญนักธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศเข้าพบเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ว่า ภาคธุรกิจได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล โดยเฉพาะข่าวดีที่ว่าความต้องการ และกำลังซื้อของคนในประเทศยังมีอยู่
.
โดยประเด็นสำคัญในการประชุมของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น นำเสนอให้มีการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคของผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งในส่วนการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่อาศัย การซื้อเพื่อการลงทุน และลงทุนบ้านให้เช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ทั้งมาตรการของภาครัฐในเรื่องของภาษี และมาตรการของภาคการเงินในเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ย
.
นอกจากนี้ภาคเอกชนอยากให้หาวิธีการจูงใจธนาคารต่างๆให้มีความต้องการอยากปล่อยสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย มีช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ และสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้
.
ที่สำคัญควรให้ความสำคัญอีกหนึ่งมิติในฐานะที่ไทยมีศักยภาพอย่างมากในการเป็นบ้านหลังที่สองของคนทั่วโลก และมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคด้วยปัจจัยบวกหลายๆ ด้าน ซึ่งหากผลักดันได้สำเร็จจะส่งผลประโยชน์หลายด้านไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนของแรงงานต่างชาติระดับผู้บริหาร หรือ ผู้มีทักษะสูง เพิ่มการจ้างงาน เพิ่มรายได้ กำลังซื้อภายในประเทศ และเป็นผลต่อเนื่องต่อภาคธุรกิจต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก การค้า โรงแรม ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
.
ส่วนประเด็นสำคัญในการประชุมของภาคธุรกิจค้าปลีก เสนอว่าภาครัฐควรมีนโยบายส่งเสริมประเทศไทยให้เป็น “สุดยอดการใช้ชีวิตแห่งเอเชีย”โดยในส่วนระยะสั้นเพื่อพยุงการจ้างงาน และขับเคลื่อนเอสเอ็มอีให้อยู่รอด เสนอแก้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำให้สามารถจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมงได้ ซี่งจะนำสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านอัตรา
รวมทั้งออกนโยบายกระตุ้นการใช้จ่าย ด้วยการนำโครงการ “ช้อปช่วยขาติ” ออกมาอีกครั้ง และการกระตุ้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง โดยลดภาษีนำเข้าชั่วคราวเป็นเวลา 4 เดือน เช่น จาก 30 % เหลือ 10%
.
พร้อมยังมีข้อเสนอแนะสำหรับระยะสั้น เพื่อไม่ให้ร้านค้าปิดกิจการ มีการจ้างงานต่อไปและมีเงินหมุนเวียนในระบบรัฐควรปล่อยซอฟท์โลนโดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถนำหลักฐานใบสัญญาเช่ามาใช้พิจารณาปล่อยกู้ได้ ออกโครงการช้อปและเที่ยวช่วยชาติ และเยียวยาลดค่าใช้จ่ายศูนย์การค้า เช่น ลดค่าไฟ ภาษีนิติบุคคล ภาษีป้ายยืดเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% ไปถึงปี 2566
.
สำหรับแผนระยะกลางควรส่งเสริมยกระดับให้ธุรกิจศูนย์การค้าอยู่ในแผนแม่บทของประเทศเปิดพื้นที่เพิ่มโซนการลงทุนให้ศูนย์การค้า เช่นเดียวกับอีอีซี ลดค่าธรรมเนียมเงื่อนไขเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจศูนย์การค้า และแผนระยะยาวควรผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก เป็นแหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวชั้นนำ เทียบชั้นญี่ปุ่น เกาหลี
.
โดยจะนำความเห็นทั้งหมด สรุปเข้าที่ประชุม ศบศ. ให้เร็วที่สุด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ คาดว่า จะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบศ.ในครั้งหน้า