กสิกรไทยหวั่นหาทุนก่อนลุยเงินดิจิทัลวอลเล็ตหลายแสนล้านบาท จ่อกระทบสภาพคล่องตลาดการเงินไทย

69
0
Share:
กสิกรไทยหวั่นหาทุนก่อนลุยเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต หลายแสนล้านบาท จ่อกระทบสภาพคล่องตลาดการเงินไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าแผนการเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตของภาครัฐในวงเงิน 5 แสนล้านบาท อาจไม่ได้กระทบต่อสภาพคล่องของระบบทั้งจำนวน เนื่องจากขึ้นกับบทสรุปของเงื่อนไขและจำนวนผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการ แต่การระดมทุนในวงเงินหลายแสนล้านบาทในช่วงก่อนเริ่มโครงการ อาจกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดการเงินไทย ท่ามกลางภาวะที่สถาบันการเงินถือครองตราสารหนี้ภาครัฐในจำนวนมากแล้วในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ปริมาณอุปทานตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น อาจมีผลต่อต้นทุนการระดมทุนของภาคเอกชนและรัฐได้ ดังนั้น ภาครัฐคงต้องพิจารณาจังหวะ วงเงิน ช่องทางและเครื่อมือการระดมทุนให้เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อตลาดจากแผนการเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) จากภาครัฐที่จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ในวงเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น แม้บทสรุปของวงเงินที่ใช้จริงท้ายสุดจะขึ้นอยู่กับจ านวนผู้เข้าร่วมโครงการที่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด แต่เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.เงินตราพ.ศ.2501 จึงทำให้ต้องมีเงินหมุนเวียนในระบบเน็ตเวิร์คของวอลเล็ตก่อนการใช้งานจริง นั่นหมายความว่า ภาครัฐอาจต้องจัดสรรเงินทุนให้พร้อมก่อนหน้านั้น ทำให้การระดมทุนคงเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ประเด็นที่อาจพิจารณาเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบการเงินไทย มีอยู่ 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่

1. สภาพคล่องของสถาบันการเงินแม้จะอยู่ในระดับสูง แต่ส่วนใหญ่ถือครองอยู่ในรูปตราสารหนี้ภาครัฐ และพันธบัตร ธปท. ทำให้การพึ่งพาสถาบันการเงินในการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐที่จะออกใหม่ภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องอาศัยการลดการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐที่อยู่ในมือ หรือระดมเงินฝาก หรือสภาพคล่องใหม่เพิ่มเติม สิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ชี้ว่าสถาบันการเงิน ที่นำโดยธนาคารพาณิชย์ (ที่มีส่วนแบ่งสภาพคล่องสูงสุดในระบบ) มีสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ที่ 5.56 ล้านล้านบาท โดย 37.0% หรือกว่า 2.07 ล้านล้านบาทอยู่ในรูปพันธบัตรรัฐบาล อันสะท้อนว่าขีดความสามารถของธนาคารพาณิชย์ในการดูดซับตราสารหนี้ภาครัฐที่จะออกเพิ่มนั้นอยู่ในกรอบที่จำกัด

2. ผลกระทบต่อการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของภาคเอกชนที่เป็นผลจากปริมาณอุปทานตราสารหนี้ภาครัฐที่เข้ามาเพิ่มขึ้น ปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะทำให้ Benchmark Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น ซึ่งมีผลต่อเนื่องให้ฐานต้นทุนดอกเบี้ยอ้างอิงก่อนบวก Credit Spread ของหุ้นกู้ขยับขึ้นแล้ว ก็ยังอาจมีผลต่อความต้องการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยต่อหุ้นกู้เอกชนด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ภาครัฐจัดสรรการระดมทุนบางส่วนผ่านการเสนอขายพันธบัตรให้กับประชาชนรายย่อยโดยตรง

3. จังหวะการระดมทุนของภาครัฐ เผชิญความท้าทายมากขึ้น ตามทิศทางผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ สัญญาณจากเฟดซึ่งมีท่าทีไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึง ล่าสุด สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น