กองทุนหุ้นแห่เทขายหุ้นในสหรัฐไตรมาส 2 ดึงเงินออกมากเป็นประวัติการณ์

345
0
Share:

เรฟฟินิทีฟ ลิปเปอร์ เปิดเผยว่า กองทุนหุ้นสัญชาติสหรัฐอเมริกันได้ขายหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้รวมเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิลดลงมากถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 77.7 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลเหลือเพียง 9.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 340.4 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ กองทุนรวมหุ้นสัญชาติอเมริกันได้เทขายสินทรัพย์สุทธิในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ เฉลี่ยดำดิ่งถึง 15.3%

สาเหตุจากภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในไตรมาสที่ 2 ตกต่ำอย่างรุนแรง พบว่าดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงหนักถึง -11.3% ส่งผลดำดิ่งมากกว่า 15% ในครึ่งปีแรก ด้านดัชนีหุ้นนาสแดคในไตรมาสที่ 2 ทำสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 โดยดำดิ่งหนักมากถึง -22.4% ที่สำคัญดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติทรุดหนักรุนแรงเฉียด -32% เข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Market นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่ดัชนีดังกล่าวทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่สำคัญยังตกต่ำมากถึง -29.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดทรุดหนักกว่า -16% ทำสถิติรายไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่มีนาคม ปี 2020

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดครึ่งปีแรก ทำสถิติดำดิ่งรุนแรงในรอบ 52 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาเนื่องจากดำดิ่งหนักถึง -20.6% นอกจากนี้ยังทรุดหนักมากกว่า -21% เมื่อเทียบจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 ทำให้เข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Market

ทั้งนี้ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐ ที่ตกต่ำอย่างรุนแรงในไตรมาสที่ 2 มาถึงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม ล้วนเป็นผลจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75% ในมิถุนายนผ่านมา ท่ามกลางเงินเฟ้อพุ่งทะยานสูงถึง 9.1% ในเดือนมิถุนายน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปี รวมถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐอเมริกาที่อาจหลีกเลี่ยงไม่พ้น ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดำดิ่งถึง -19% มาเหลือที่ระดับ 3,150 จุดภายในสิ้นปีนี้