กับดักฉุดเศรษฐกิจ! สภาพัฒน์ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งแตะ 14 ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส จะกระทบเศรษฐกิจ

368
0
Share:

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)เปิดเผยว่า ล่าสุดสถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2565มีมูลค่า 14.90 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.9% จาก 3.5% ของไตรมาสก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสสาม ปี 2564 ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 86.8% ลดลง 88.1 จากไตรมาสที่ผ่านมาขณะที่ภาพรวมคุณภาพสินเชื่อทรงตัวแต่ต้องเฝ้าระวังสินเชื่อยานยนต์ที่มีสัดส่วนสินเชื่อกล่าวถึงพิเศษต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น รวมถึงลูกหนี้ดีที่กลายเป็นหนี้เสียจากผลกระทบของ COVID-19 ยังมีจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อ ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ และการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เฉพาะกลุ่ม

ทั้งนี้หนี้สินครัวเรือนขยายตัวในทุกประเภทสินเชื่อโดยสินเชื่อที่มีการขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ สินเชื่อบัตรเครดิต โดยขยายตัว 11.8% และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ขยายตัวถึง 21.4% ขณะที่สินเชื่อที่ขยายตัวในอัตราต่ำ ได้แก่ สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 4.1% สินเชื่อยานยนต์ขยายตัว 1.2% และสินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจขยายตัว 3.4%

นายดนุชา ระบุว่าการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนที่ลดการใช้เงินสดมากขึ้นขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่าย มีเงื่อนไขการสมัครไม่มากและไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยยังมีปัญหาสภาพคล่องจึงมีการใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้เพิ่มขึ้น

ส่วนภาพรวมคุณภาพสินเชื่อทรงตัว โดยในไตรมาสสี่ ปี 2565 ยอดคงค้างหนี้เพื่อการอุปโภค-บริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ 4 มีมูลค่า 1.40 แสนล้านบาท ลดลง 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.62% ของสินเชื่อรวม ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อเกือบทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาสินเชื่อกล่าวถึงพิเศษ (SML) หรือสินเชื่อค้างชำระน้อยกว่า 3 เดือน พบว่า ภาพรวมมูลค่า SML ปรับตัวลดลงโดยมีสัดส่วน 6.6% ต่อสินเชื่อรวม แต่เมื่อพิจารณาสินเชื่อรายวัตถุประสงค์ กลับพบว่า สินเชื่อกล่าวถึงพิเศษในสินเชื่อรถยนต์มีมูลค่าสูงขึ้น และมีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน โดยมีสัดส่วน 13.7% ของสินเชื่อรวม

นอกจากนี้ จากข้อมูลเครดิตบูโร พบว่า กลุ่มลูกหนี้ดีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนกลายเป็นหนี้เสียยังมีปริมาณมาก แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายลง แต่มูลค่าหนี้เสียของกลุ่มดังกล่าวยังสูงถึง 4.0 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่ง ปี 2565 และมีจำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านบัญชีจาก 4.3 ล้านบัญชีของไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเกือบ 60% เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สถานการณ์หนี้สินครัวเรือนข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นเสมือนกับดักต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในอนาคต ดังนั้น ในระยะถัดไปมีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิด