กูรูตลาดหุ้นกู้ในไทย มองตลาดหุ้นกู้ผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว เชื่อดอกเบี้ยสูงนาน

377
0
Share:
กูรูตลาด หุ้นกู้ ในไทย มองตลาดหุ้นกู้ผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว เชื่อ ดอกเบี้ย สูงนาน

นายเจษฏา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลน.ฟินโนมีนา กล่าวว่า นายเจฟเฟอรี่ กันด์ลาช นักลงทุนมหาเศรษฐี และเป็นเจ้าของฉายาราชาพันธบัตร เเนะว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดไม่ควรรีบขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป ควรประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน จึงแนะนำให้นักลงทุนให้ลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาว จะส่งผลให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย สอดคล้องกับมุมมองของเราที่มองว่า ปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก กลับมามีความสนใจมากขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลน.ฟินโนมีนา กล่าวว่า ในช่วงนี้แม้ผลตอบแทนของพันธบัตรทั่วโลกยังมีโอกาสปรับฐานลงมาอีก ซึ่งหลังจากนี้น่าจะเริ่มเห็น ผู้จัดการกองทุน ปรับพอร์ตการลงทุน เริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเข้าลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะ “หุ้นกู้เอกชน” ในบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง เครดิตเรตติ้งตั้งแต่ A-AA ขึ้นไป และถือจนครบกำหนด ซึ่งตอนนี้ ผลตอบแทนจะอยู่ที่ระดับ 4-5% ถือว่าดีกว่าช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ที่มีผลตอบแทนเพียง 1-2% เท่านั้น
“ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่า เงินลงทุนจำเป็นที่จะต้องทุนในหุ้น เพราะภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่ำ แต่ตอนนี้ภาพการลงทุนในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า จะไม่เหมือนเดิมแล้ว หุ้นจะไม่ได้วิ่งแรงเหมือนอย่างตอนที่มีทำQE ตลาดบอนด์ที่เคยเป็นตลาดหมีมายาวนาน หลังจากนี้จะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามามากขึ้น”

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกให้ผลตอบแทนดีขึ้น สะท้อนจากขณะนี้ดัชนีตราสารหนี้โลกอย่าง Bloomberg Global-Aggregate Total Return Index มียิลด์ขยับขึ้นมาถึง 3.3% สูงที่สุดรอบ 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 และเทียบกับช่วงต้นปีที่ระดับผลตอบแทนเพียงราว 0.8%

ผู้จัดการกองทุนจึงมองว่า ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ได้แนะกลยุทธ์หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยเกินระดับ 3% ไปแล้ว และการลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้ แม้ดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น เป็นจังหวะเริ่มกลับมาสะสมสินทรัพย์ความผันผวนปานกลาง (5-10%) อย่างตราสารหนี้ทั่วโลกได้มากขึ้น

นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี เปิดเผยว่า สำหรับคำแนะนำในการจัดพอร์ตลงทุนโยกเงินฝาก สัดส่วน 30% มาลงทุนในตราสารหนี้แทนได้ทั้งหมด ที่เหลือสัดส่วน 50% เป็นหุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก สัดส่วน 20%