ก.ล.ต.เข้มแพลตฟอร์มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องอบรม-ทดสอบ เริ่ม 30 ส.ค. 65

302
0
Share:

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรื ก.ล.ต.ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีหรือ Cryptocurrency เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจลงทุนไม่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้

ในขณะที่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้ซื้อขายยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ข้อมูลความขัดข้องของระบบที่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ และข้อร้องเรียนของผู้ใช้บริการ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการ และ ก.ล.ต. ยังไม่มีข้อมูล IT usage capacity เพื่อใช้ติดตามตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจได้

ก.ล.ต. เห็นถึงความสำคัญของการให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดให้มีการอบรมหรือทดสอบความรู้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีให้แก่ผู้ซื้อขาย ก่อนตัดสินใจซื้อขายและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเพื่อให้มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้ ก.ล.ต. สามารถติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพการให้บริการและความพร้อมของระบบงานของผู้ประกอบธุรกิจได้ ก.ล.ต. จึงออกหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวโดยสรุป ดังนี้

1. กำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้ลูกค้า เข้ารับการอบรมหรือการทดสอบความรู้ หรือ knowledge test เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ ในการประชุมครั้งที่ 6/64 เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64

หลักเกณฑ์ดังกล่าวยกเว้นกรณีที่ลูกค้าเป็นผู้มีประสบการณ์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีมาก่อนใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ หรือเป็นผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีการให้คำแนะนำเบื้องต้นเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจความสำคัญในการจัดสรรและกำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมแก่ลูกค้า หรือ basic asset allocation เพิ่มเติมด้วย โดยประกาศดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 65

2. กำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งรายงานข้อมูลคุณภาพการให้บริการต่อ ก.ล.ต. และเปิดเผยรายงานดังกล่าวบนเว็บไซต์ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ ในการประชุม ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 65

รวมทั้งจัดส่งรายงานการใช้ความสามารถของระบบงานต่อ ก.ล.ต. เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ซื้อขายให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยประกาศดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66